8. สรุป
กลุ่มชุดดินนี้จัดเป็นพวกดินร่วนหยาบ คือเป็นดินร่วนปนทราย เป็นดินลึกที่มีการระบายน้ำดีมีค่าความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารของพืชต่ำและมีปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงกรดแก่(pH 4.5-5.5) ดินพวกนี้ปรากฏอยู่ในสภาพภูมิประเทศตั้งแต่ค่อนข้างราบเรียบถึงภูเขา
ปัจจุบันเกษตรกรใช้พื้นที่ในการปลูกพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมันมะพร้าว และไม้ผลจำพวก ทุเรียน เงาะ มังคุดเป็นต้น ส่วนพืชไร่และพืชสวนบางชนิดมักนิยมปลูกเป็นพืชแซมในระหว่างแถวของไม้ยืนต้นและไม้ผลในช่วงพืชหลักยังเล็กอยู่ จากการที่กลุ่มชุดดินนี้มีศักยภาพในการใช้ประโยชน์ที่ดินในการเพาะปลูกสูง ในกลุ่มของพืชที่จะต้องมีการจัดการดินและการดูแลรักษาหลัก ๆ ที่แตกต่างกันออกไป
ไม้ยืนต้น : ที่ปลูกในกลุ่มดินนี้ประกอบไปด้วยยางพารา ปาล์ม มะพร้าว มะม่วงหิมพานต์กาแฟ โกโก้ และสะตอ พืชเหล่านี้ต้องการการดูแลในเรื่องของการใช้วัสดุในการปรับปรุงบำรุงดินเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในการใช้ปุ๋ยเคมี ในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์จะช่วยให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นรวมทั้งช่วยปรับโครงสร้างของดินให้ดีขึ้นเนื่องจากดินค่อนข้างเป็นทราย ส่วนบริเวณที่มีสภาพพื้นที่มีความลาดชันสูงควรมีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำเช่นการปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชตามแนวระดับ หรือการปลูกพืชขวางตามแนวความลาดเท เป็นต้น การทำคันคูรับน้ำรอบเขาหรือการสร้างขั้นบันไดดินจะไม่ได้ผลเนื่องจากโครงสร้างดินเป็นทราย
ไม้ผล : ที่ปลูกในกลุ่มดินนี้ประกอบไปด้วยเงาะ ทุเรียน มังคุด ลางสาด ลองกอง ขนุนจำปาดะ และส้ม พืชเหล่านี้ต้องมีการดูแลรักษาในการใช้ปุ๋ยให้ถูกต้อง และเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์ซึ่งมีผลถึงคุณภาพของผลผลิต การจัดหาแหล่งน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่งการพิจารณาให้น้ำต้องคำนึงถึงช่วงเวลาและอัตรา นอกจากนั้นต้องมีการดูแลไม้ผลในด้าน อื่น ๆ อีกเช่นการตัดแต่งกิ่ง การกำจัดโรคและแมลง ส่วนบริเวณที่มีสภาพพื้นที่มีความลาดชันสูงควรมีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำเช่นกัน
พืชไร่หรือพืชสวนบางชนิด : ใช้ปลูกเป็นพืชแซมระหว่างแถวพืชหลักจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ช่วงพืชหลักไม่ให้ผลผลิต ทั้งยังช่วยในการอนุรักษ์ดินและน้ำและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในดินหรือโครงสร้างดินดีขึ้น พืชแซมที่แนะนำคือ ถั่วลิสง ถั่วหรั่ง สับปะรด ข้าวโพดหวานและกล้วย
ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ : การจัดการทุ่งหญ้าต้องมีการจัดการดินและดูแลรักษาด้านต่าง ๆ มากเช่นกัน การใช้ปุ๋ยจะต้องจัดการให้เหมาะสมและถูกต้องการปลูกพืชตระกูลหญ้าร่วมกับพืชตระกูลถั่วจะเป็นการสร้างความสมดุลย์ของธาตุอาหารพืชในดินและเพิ่มคุณภาพของทุ่งหญ้าให้เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
ปัญหาของการใช้ประโยชน์ของกลุ่มดินชุดนี้ได้แก่ความอุดมสมบุรณ์ของดินและคุณสมบัติทางกายภาพของดิน เช่นเนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายและความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำบริเวณพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงการเปิดหน้าดินเพื่อการปลูกจะมีผลต่อการชะล้างพังทลายได้สูง การักษาความชื้นในดินนั้นสามารถนำเอาเศษวัสดุเกษตรที่เหลือใช้ เช่น ทะลายเปล่าปาล์มน้ำมัน เปลือกกาแฟ ขุยมะพร้าว เป็นต้นมาคลุมดิน นอกจากนั้นควรมีการพัฒนาหาแหล่งน้ำเพื่อช่วยสงเสริมการเพาะปลูกในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง
ตารางที่ 3 การจัดการกลุ่มชุดดินเพื่อให้เหมาะสมในการปลูกพืชแต่ละชนิด
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
1.
ไม้ยืนต้น 1.1
ยางพารา
|
- ดินมีความอุดม สมบูรณ์ต่ำ
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
|
- เตรียมหลุมปลูก ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 170 กรัม/ต้น คลุกเคล้ากับดินในหลุม - อายุ 2-40 เดือน ใช้ปุ๋ยสูตร 11-6-4 หรือ 12-8-4 อัตรา 100-300 กรัม/ต้น หว่านรอบ ๆ โคนต้นข้างละ 1 เมตร หรือในแถวยางทุก ๆ 2 เดือน - อายุ 42-72 เดือน ใช้ปุ๋ยสูตร 18-4-5 อัตรา 400 กรัม/ต้น หว่านให้ทั่วในแถวยาง ทุก ๆ 6 เดือน - อายุมากกว่า 72 เดือน ใช้ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 14-9-20 อัตรา 500 กรัม/ต้น หว่านให้ทั่วในแถวยางทุก ๆ 6 เดือน พื้นที่ ที่มีความลาดชันสูง ใส่ปุ๋ยแบบหลุมโดย ขุดหลุมรอบโคนหรือสองข้างลำต้นแล้วกลบ - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - เตรียมหลุมปลูก ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 250 กรัม/ต้น รองพื้นหลุม - อายุ 1 ปี ใช้ปุ๋ยสูตร 12-12-17 หรือ 13-13-12 อัตรา 2.0-2.5 กก./ต้น สลับปุ๋ยเดี่ยว 21-0-0 อัตรา 2.0-2.5 กก./ต้น หรือ 46-0-0 อัตรา 1.0-1.2 กก./ต้น ใส่ปุ๋ยผสม 3 ครั้งสลับด้วยปุ๋ยเดี่ยว 2 ครั้ง - อายุ 2-4 ปี ใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 หรือ 15-15-21 อัตรา 3.0-5.0 กก./ต้น หรือ 12-12-17 อัตรา 3.0-6.5 กก./ต้น ใส่ปุ๋ยในวงกลมรัศมีห่างจากโคนต้น 1.5-2.0 เมตร แบ่งใส่ 3 ครั้ง ต้น กลาง และปลาย ฤดูฝน - อายุมากกว่า 5 ปี ใช้ปุ๋ยสูตร 14-9-21 หรือ 14-9-20 หรือ 12-9-21 อัตรา 8.0-9.0 กก./ต้น ร่วมกับโบแรกซ์อัตรา 50-100 กก./ต้น ใส่ปุ๋ยในวงกลมรัศมีห่างจากโคนต้น 1.5-2.0 เมตร แบ่งใส่ 3 ครั้ง ต้น กลาง และ ปลายฤดูฝน - ควรมีการวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในใบปาล์มประกอบกับการใส่ปุ๋ย - วางแนวปลูกพืชแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
1.3
มะพร้าว
1.4 มะม่วงหิมพานต์ |
-
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- บางพื้นที่มีความลาดชันสูง
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
|
-
เตรียมหลุมปลูก ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0
อัตรา 500 กรัม/ต้นxอายุปี
รองพื้นหลุม - อายุ 1-5 ปี ใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 1.0 กรัม/ต้นxอายุปี สลับปุ๋ยเดี่ยว 0-0-60 อัตรา 0.5 กรัม/ต้นxอายุปี โรยปุ๋ยรอบโคนต้นรัศมี 0.5-2.0 เมตร แล้วพรวนดินกลบ ใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง ช่วงต้นฝนและปลายฝน - อายุมากกว่า 6 ปี ใช้สูตร 13-13-21 หรือ 15-15-15- หรือ 16-16-16 อัตรา 1.0 กรัม/ต้นxอายุปี สลับปุ๋ยเดี่ยว 0-0-60 อัตรา 0.5 กรัม/ต้นxอายุปี ต้นใส่ปุ๋ยในวงกลมรัศมีห่างจากโคนต้น 1.5-2.0 เมตร แบ่งใส่ 2 ครั้งต้นและปลายฤดูฝน - ควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีในอัตรา 30-50 กก./ต้น/ปี - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน เตรียมหลุมปลูก ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 500 กรัม/ต้นxอายุปี รองพื้นหลุม - ก่อนตกผล ใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 300-350 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ 15-30-15 อัตรา 250-300 กรัม/ต้นxอายุปี โรยปุ๋ยรอบโคนต้นรัศมี 30 ซ.ม. แล้วพรวนดินกลบ ใส่ปุ๋ย 4 ครั้ง เดือน มี.ค พ.ค ส.ค - ตกผลแล้ว ใช้ปุ๋ยสูตร 16-8-8 อัตรา 200-300 กรัม/ต้นxอายุปี ใส่หลังจากเก็บผลผลิตแล้วหรือ 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 200-300 กรัม/ต้นxอายุปี ใส่ครั้งที่ 2 - ควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีในอัตรา 30-50 กก./ต้น/ปี - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
1.5 กาแฟ พันธุ์แนะนำ -Robusta -Arabica
|
-
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- บางพื้นที่มีความลาดชันสูง |
-
ควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมก่อนปลูกในอัตรา
20-30 กก./หลุม
แล้วใช้อัตราเดียวกันทุก ๆ ปี - ควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 10-10-10 หรือ 12-12-12 หรือ 15-15-15 จำนวน 3 ครั้ง/ปี ปีที่ 1 ใส่ต้นละ 100-150 กรัม/ครั้ง ปีที่ 2 ใส่ต้นละ 200-250 กรัม/ครั้ง ปีที่ 3 ใส่ต้นละ 300-350 กรัม/ครั้ง ปีที่ 4 ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15- หรือ 13-13-21 ในอัตรา 150-350 กรัม/ต้น/ครั้ง - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมก่อนปลูกในอัตรา 20-30 กก./หลุม แล้วใช้อัตราเดียวกันทุก ๆ ปี - การใส่ปุ๋ยเคมี/ต้น/ครั้ง ยึดหลักดังนี้ 0.5 ปี ใช้ 11-8-4-3 mgo 113 กรัม 1 ปี ใช้ 13-11-5-2.5 mgo 113 กรัม 1.5 ปี ใช้ 14-13-5-2.5 mgo 113 กรัม 2 ปี ใช้ 14-13-9-2.5 mgo 170 กรัม 2.5 ปีใช้ 14-13-9-2.5 mgo 170 กรัม 3 ปี ใช้ 15-7-13-4 mgo 226 กรัม - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - ควรใช้ปุ๋ยร่วมกันระหว่างปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมีคือ 15-15-15 สำหรับที่ยังไม่ให้ผลผลิต อัตรา 0.5 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ 13-13-21 ที่ให้ผลผลิตแล้ว อัตรา 1 กก./ต้นxอายุปี ส่วนปุ๋ยอินทรีย์ให้ใช้อัตรา 30-50 กก./ต้น/ ปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง/ปี ตอนต้นและปลายฝน - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
2.
ไม้ผล 2.1 เงาะ
|
-
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ความชื้นในดินต่ำ - ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ |
-
ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 500
กรัม/ต้นxอายุปี
คลุกกับดินในหลุมปลูก - ก่อนตกผลใช้ปุ๋ยสูตร 12-6-17 อัตรา 700-800 กรัม/ต้นxอายุปี หรือปุ๋ยสูตร 15-5-20 อัตรา 600-700 กรัม/ต้นxอายุปี ใช้ร่วมกับปุ๋ยเดี่ยวสูตร 21-0-0 อัตรา 500-600 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ 46-0-0 อัตรา 250-300 กรัม/ต้นxอายุปี ใส่ปุ๋ย 4 ครั้งเดือน มี.ค พ.ค ส.ค ต.ค โดยแบ่งใส่ปุ๋ยผสม 2 ครั้ง ๆ ละ เท่า ๆ กัน สลับด้วยปุ๋ยเดี่ยวแบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ ละ เท่า ๆ กัน หว่านให้สม่ำเสมอรอบ ๆ บริเวณทรงพุ่มห่างจากโคนต้นประมาณ 30 ซ.ม. แล้วพรวนดินกลบ - ตกผลแล้วใช้ปุ๋ยสูตร 18-6-6 อัตรา 500-600 กรัม/ต้นxอายุปี หรือปุ๋ยสูตร 25-7-7 อัตรา 400-500 กรัม/ต้นxอายุปี แบ่งใส่ หลังเก็บเกี่ยวแล้ว 2 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน ครั้งที่ 3 หลังติดผลแล้วใช้ปุ๋ยสูตร 14-0-20 อัตรา 500-600 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ 16-3-9 อัตรา 1,200-1,400 กรัม/ต้นxอายุปี - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - จัดหาแหล่งน้ำ คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอด้วยปุ๋ยหมัก ฟางข้าว หรือเปลือกถั่วหรือซุยมะพร้าว - ก่อนตกผล (0-6 ปี) ใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมี โดยใส่ทุก ๆ ปี แบ่งใส่ 4 ครั้ง เดือนมีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม และเดือนตุลาคม ปุ๋ยหมักใช้อัตรา 10-30 ก.ก./ต้น รวมทั้งใช้สูตรปุ๋ยเคมี 12-6-17 หรือ 15-5-20 อัตรา 500-700 กรัม/ต้นxอายุปี โดยหว่านให้สม่ำเสมอรอบบริเวณทรงพุ่มห่างจากโคนต้นประมาณ 30 ซ.ม. พร้อมกลบด้วยปุ๋ยอินทรีย์หรือซากพืช - ตกผลแล้ว ใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมี โดยใส่ ทุก ๆ ปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง ใส่เมื่อเกิดตาดอกและเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วปุ๋ยหมักใช้อัตรา 10-30 กก./ต้น รวมทั้งใช้สูตรปุ๋ยเคมี 14-5-20 หรือ 15-5-20 อัตรา 300-350 กรัม/ต้นxอายุปี |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
2.3 มังคุด
|
-
บางพื้นที่ความลาดชันสูง - ความชื้นในดินต่ำ
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ความชื้นในดินต่ำ - ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ความชื้นในดินต่ำ |
-
วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน -
ในฤดูแล้งควรคลุมดินบาง ๆ
ด้วยปุ๋ยหมัก
ฟางข้าวหรือเปลือกถั่ว
ในช่วงพืชอายุน้อย
ควรปลูกพืชตะกูลถั่วแซมระหว่างแถวปลูก -ก่อนตกผลใช้ปุ๋ยสูตร 12-6-17 อัตรา 200-300 กรัม-ต้นxอายุปี หรือปุ๋ยสูตร 15-5-20 อัตรา 200-300 กรัม/ต้นxอายุปี ใช้ร่วมกับปุ๋ยเดี๋ยวสูตร 21-0-0 อัตรา 200-300 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ 46-0-0 อัตรา 100-150 กรัม/ต้นxอายุปี ใส่ปุ๋ย 4 ครั้ง เดือน มี.ค. พ.ค. ส.ค. ต.ค. โดยแบ่งใส่ปุ๋ยผสม 2 ครั้งๆละเท่าๆกันสลับด้วยปุ๋ยเดี่ยวแบ่งใส่ 2 ครั้งๆละเท่าๆกัน หว่านให้สม่ำเสมอรอบๆบริเวณทรงพุ่มห่างจากโคนต้นประมาณ 30 ซ.ม. แล้วพรวนกลบ - ตกผลแล้วใช้ปุ๋ยสูตร 15-3-12 อัตรา 250-300 กรัม/ต้นxอายุปี หรือปุ๋ยสูตร 16-3-9 อัตรา 250-300 กรัม/ต้นxอายุปี ใส่หลังเก็บเกี่ยวแล้ว 1 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน ครั้งที่ 2 ใช้ปุ๋ยสูตร 14-0-20 อัตรา 200-250 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ 15-3-12 อัตรา 450-500 กรัม/ต้นxอายุปี - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - จัดหาแหล่งน้ำ คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอ ด้วยปุ๋ยหมัก ฟางข้าว หรือเปลือกถั่ว - ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 100 กรัม/ต้นxอายุปี คลุกกับปุ๋ยอินทรีย์ 30-50 กก./ต้น/อายุปี ในหลุมปลูก - หลังให้ผลผลิตแล้วใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ช่วงออกดอกใส่ 12-24-12 หรือ 13-13-21 และหลังจากติดผลแล้วจะใส่ 13-13-13 หรือ 15-15-15 ในอัตราครึ่งหนึ่งของอายุต้น - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - การให้น้ำจำเป็นมากในช่วงดอกบานและดอกติดผล จัดหาแหล่งน้ำ คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอด้วยปุ๋ยหมัก ฟางข้าวหรือเปลือกถั่ว |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
2.5
ขนุนหรือจำปาดะ
2.6 ส้มต่าง ๆ |
-
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ความชื้นในดินต่ำ
|
-
ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 500
กรัม/ต้นxอายุปี
คลุกกับปุ๋ยอินทรีย์ 30-50 กก./ต้น/ปี
ในหลุมปลูก - เมื่อขนุนยังเล็กควรใช้ปุ๋ยยูเรีย 2 ช้อนแกง ผสมน้ำ 1 ปีบ รดบริเวณโคนต้น 2 อาทิตย์/ครั้ง ประมาณ 3 ครั้ง หลังจากนั้นทุก ๆ 3 เดือนใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 100 กรัม/ต้น - เมื่ออายุย่างปีที่ 2 ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา ครึ่งหนึ่งของอายุต้นโดยแบ่งใส่ 2-3 ครั้ง/ปี หลังจากอายุ 10 ปี หากผลผลิตมากให้ใส่มาก - วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - การให้น้ำจำเป็นมากในช่วงดอกบานและดอกติดผล จัดหาแหล่งน้ำ คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอด้วยปุ๋ยหมัก ฟางข้าว หรือเปลือกถั่ว - ใช้ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 500 กรัม/ต้นxอายุปี คลุกกับดินในหลุมปลูก - ก่อนตกผลใส่ปุ๋ย 4 ครั้ง ทุก ๆ 3 เดือน ใช้ปุ๋ยสูตร 18-6-6 อัตรา 250-300 กรัม/ต้นxอายุปี หรือปุ๋ยสูตร 25-7-7 อัตรา 200-250 กรัม/ต้นxอายุปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน ใส่ครั้งที่ 1 และ ที่ 3 ปุ๋ยสูตร 14-0-20 อัตรา 200-250 กรัม/ต้นxอายุปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน ใส่ครั้งที่ 2 และ ที่ 4 และปุ๋ยสูตร 16-3-5 อัตรา 500-700 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ ปุ๋ยสูตร 18-4-5 อัตรา 400-500 กรัม/ต้นxอายุปี ใส่ปุ๋ย 4 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน หว่านให้สม่ำเสมอรอบ ๆ บริเวณทรงพุ่มห่างจากโคนต้นประมาณ 30 ซ.ม. แล้วพรวนกลบ - ตกผลแล้วใช้ปุ๋ยสูตร 12-3-6 อัตรา 600-700 กรัม/ต้นxอายุปี หรือปุ๋ยสูตร 14-4-9 อัตรา 500-600 กรัม/ต้นxอายุปี แบ่งใส่หลังเก็บผลผลิตแล้ว 2 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน หลังติดผลแล้วใส่ปุ๋ยสูตร 14-0-20 อัตรา 100-150 กรัม/ต้นxอายุปี หรือ 15-3-12 อัตรา 500-600 กรัม/ต้นxอายุปี โดยแบ่งใส่ 3 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
|
-
บางพื้นที่มีความลาดชันสูง - ความชื้นในดินต่ำ
|
-
วางแนวปลูกเป็นแถวตามแนวระดับแล้วทำการหว่านพืชคลุมดิน - พืชต้องการความชื้นตลอดเวลาเว้นในช่วงก่อนออกดอก จัดหาแหล่งน้ำ คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ฟางข้าว หรือเปลือกถั่ว - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 อัตรา 20-30 กก./ไร่ ในถั่วลิสง และอัตรา 30-50 กก./ไร่ ในถั่วหรั่ง โดยการรองก้นร่องปลูกหรือโรยข้างแถวปลูกแล้วพรวนกลบตอนปลูกหรือหลังปลูก 25 วัน - ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 2-3 ตัน/ไร่
- ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 160-170 กก./ไร่ โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ แรกรองก้นหลุม ครั้งที่ 2 บริเวณกาบใบล่าง ชิดโคนต้น ครั้งที่ 3 ใช้ปุ๋ยสูตร 14-0-20 อัตรา 200-240 กก./ไร่ - ฤดูที่ 2 ใส่ปุ๋ยจำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรกหลังเก็บเกี่ยวใช้ปุ๋ยสูตร 21-0-0 อัตรา 120-130 กก./ไร่ หรือ 46-0-0 อัตรา 60-65 กก./ไร่ โดยใส่บริเวณกาบใบล่างของต้นเดิม และ 2 ครั้งหลัง ใส่หลังเกิดหน่อดินใหม่ 1 เดือน โดยใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 80-85 กก./ไร่ บริเวณกาบใบล่างของหน่อดินใหม่แล้วตามด้วย 14-0-20 อัตรา 100-120 กก./ไร่ ใน 3 เดือน ต่อมา - พืชต้องการความชื้นมากในช่วงการเจริญเติบโต คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ฟางข้าวหรือแกลบ |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
3.3
ข้าวโพดหวาน พันธุ์แนะนำ -ซุปเปอร์สวีต -ดีเอ็มอา
|
-
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
|
- ตอนปลูก
ใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-8 อัตรา 30-40 กก./ไร่
รองก้นร่องปลูก - หลังปลูก 20-25 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 21-0-0 อัตรา 20-25 กก./ไร่ หรือใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 10-15 กก./ไร่ โดยโรยข้างแถวปลูกแล้วพรวนกลบ - ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ 0.5-1.0 ตัน/ไร่ - พืชต้องการความชื้นมากในช่วงการเจริญเติบโต คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอด้วยปุ๋ยอินทรีย์ฟางข้าวหรือแกลบ - เตรียมหลุมปลูก ใช้ปุ๋ยสูตร 14-9-20 อัตรา 200-250 กรัม/ต้น หรือ 12-6-7 อัตรา 250-300 กรัม/ต้น คลุกกับดินในหลุมปลูก - ตลอดฤดูปลูก ใส่ปุ๋ย 5 ครั้ง หลังปลูก 1,3,5 เดือน ใช้ปุ๋ยสูตร 12-6-17 อัตรา 600-700 กรัม/ต้น หรือ 14-9-20 อัตรา 500-600 กรัม/ต้น แบ่งใส่ 3 กรัม/ต้น แบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ ละเท่า ๆ กัน 2-3 จุดห่างจากโคนต้น 30 ซ.ม. หลังปลูก 7,9 เดือน ใช้ปุ๋ยสูตร 15-5-20 อัตรา 700-800 - พืชต้องการความชื้นมากในช่วงการเจริญเติบโตและให้ผลผลิต คลุมดินบาง ๆ สม่ำเสมอด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ฟางข้าวหรือแกลบ - ก่อนปลูก ใส่ปุ๋ยสูตร 0-3-0 อัตรา 50-100 กก./ไร่ - หลังงอก 2 สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 10 กก./ไร่ และใส่อีกครั้งอัตรา 20 กก./ไร่ หลังติดหญ้าครั้งแรก หลังจากนั้นใช้ปุ๋ยยูเรียอัตรา 10 กก./ไร่ หว่านในปลายฤดูฝนของทุกๆปี |