8. สรุป

          กลุ่มชุดดินที่ 35 เป็นกลุ่มชุดดินที่พบแพร่หลายมากในพื้นที่ดอน (upland) เกือบทุกภาคของประเทศยกเว้นภาคใต้ ภาคที่พบมากที่สุดได้แก่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ตามลำดับ รวมเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 7.8 ล้านไร่ หรือ ประมาณ2.4 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งประเทศ

        ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินที่มีการระบายน้ำดีหรือดีปานกลาง มีเนื้อที่ค่อนข้างเป็นทรายจึงเป็นดินเนื้อละเอียดปานกลาง (medium-textured soils) เป็นดินลึก โดยทั่วไปกลุ่มชุดดินนี้ จัดว่าเหมาะสมในการที่จะนำมาใช้ปลูกพืชไร่ พืชล้มลุก ไม้ผล ไม้ยืนต้น หรือใช้ทำทุ่งหญ้าเลี้ยง สัตว์แต่ไม่เหมาะในการที่จะนำมาใช้ทำนา เนื่องจากสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามกลุ่มชุด ดินที่มีข้อจำกัดในการปลูกพืชหลายอย่างเช่น ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีความสามารถในการอุ้ม น้ำต่ำเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ และเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีความลาดชันสูง

        แนวทางในการจัดการดินเพื่อปลูกพืชต่าง ๆ ที่สำคัญของกลุ่มชุดดินนี้ คือการเพิ่ม ความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยอินทรีย์ ควบคู่กับปุ๋ยเคมี โดยใช้ในอัตราและใส่ในระยะเวลาที่เหมาะสม การปรับปรุงคุณสมบัติของดินเพื่อให้มีโครงสร้างที่เหมาะสม การอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลาย และการจัดระบบการปลูกพืชทั้งแบบธรรมดา และแบบผสมผสาน

        พืชที่แนะนำให้ปลูกได้แก่ ข้าวไร่ มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ปอแก้ว แตงโม สับปะรด มะม่วง มะม่วงหิมพานต์ และขนุนเป็นต้น

        สำหรับการใช้ประโยชน์กลุ่มชุดดินนี้ทางการเกษตรให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดนั้น ควรเน้นการเกษตรแบบผสมผสาน โดยใช้ประโยชน์ ทั้งปลูกพืชไร่ ไม้ผลหรือไม้ยืนต้นสวนผักหรือ สวนไม้ดอก และการพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เพราะสภาพของดินและพื้นที่เหมาะสมกับการปลูกพืชต่าง ๆ ที่กล่าว และการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสานจะช่วยลดความเสี่ยงด้านราคาผลผลิตและเป็นระบบการผลิตที่มีกิจกรรมเกื้อกูลซึ่งกันและกันซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตและเป็นการรักษาความสามารถในการผลิตของดินให้ยั่งยืนต่อไป

 

    ตารางที่ 3 สรุปการจัดการชุดดินที่ 35 ให้เหมาะสมในการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

ข้าวไร่
พันแนะนำ
-ข้าวพันธุ์เบา
-ซิวแม่จัน
-จีนฮ่อ

 

 

 

 

 

พืชไร่

มันสำปะหลัง
พันธุ์แนะนำ
-ระยอง 3
-ระยอง 60

- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

 

 

- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

 

 





- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

 

 

- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย

 

- มีน้ำขังแฉะในดิน ทำให้หัวมันเน่าและต้นตายในบางพื้นที่

- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

- เพื่ออินทรีย์วัตถุในดินโดยหว่านปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-3 ต่อตันต่อไร่ หรือใช้ปุ๋ยพืชสด โดยหว่านเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดตระกูลถั่ว ได้แก่ โสนอัฟริกัน ปอเทืองหรือปอเทืองเตี้ย อัตราเมล็ดพันธุ์ 5 กก. ต่อไร่ ควรหว่านรอฝน หรือต้นฤดูฝนกลาง เดือนเมษายนหรือต้นเดือน พฤษภาคม เมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50% หรืออายุ 60 วัน จึงทำการไถกลบหรือสับกลบลงดิน ก่อนปลูกข้าว

- ใส่ปุ๋ยเคมี แบ่งใส่ 2 ครั้ง

ครั้งแรก หลังข้าวงอก 20-30 วัน ข้าวพันธุ์ไม่ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ย (4+6)-6-4 กก./ไร่ (N-P2O5-K2O) ข้าวพันธุ์ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ย (3+3)-4-2 กก./ไร่ (N-P2O5-K2O)

ครั้งที่สอง ระยะให้กำเนิดช่อดอกหรือประมาณ 30 วันก่อนข้าวออกดอก ใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตหรือแอมโมเนียมคลอไรด์ อัตรา 15-30 กก./ไร่ หรือปุ๋ยยูเรีย 7-15 กก./ไร่

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 1-3 ตันต่อไร่ หรือใช้ปุ๋ยพืชสดตระกูลถั่วได้แก่ ปอเทือง ถั่วพร้า หรือถั่วพุ่ม อัตรา เมล็ดพันธุ์ 3-5 กก./ไร่ สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์ อัตรา 8-10 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝนราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50% หรือมีอายุ 60 วัน จึงทำการไถกลบคลุมคล้าให้เข้ากับดิน พักดินไว้ 5-10 วันจึงทำการปลูกพืช

- ปลูกมันสำปะหลังตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่หรือใช้ระบบการปลูกพืชโดยปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนแซมในระหว่างแถวของมันสำปะหลัง

- ยกร่องปลูกพืชและ ชุดร่องระบายน้ำ

- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือสูตรอื่นที่มีธาตุอาหารพืชใกล้เคียงกัน อัตรา 50-100 กก./ไร่ แบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกใส่รองก้นหลุมปลูกและครั้งที่ สองโรยข้างต้นเมื่อมันสำปะหลังอายุ 2 เดือน

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

ข้าวโพด

พันธุ์ที่แนะนำ
สุวรรณ 1
สุวรรณ 2
ฮาวายเอียน
ซูเปอร์สวีท

 

 

 

อ้อย

พันธุ์ที่แนะนำ
H 38 2915
H 48 3166
F 140 F 156
PT 52 – 227
Q 83

- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

 

 


- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย


- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

 

- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

 

 


- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย

 

- ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกอัตรา 1-3 ตัน/ไร่ หรือใช้ปุ๋ยพืชสดตระกูลถั่วได้แก่ปอเทือง ถั่วพร้า หรือถั่วพุ่ม อัตราเมล็ดพันธุ์ 3-5 กก./ไร่ สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา 8-10 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝนราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมเมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50 % หรือมีอายุ 60 วัน จึงทำการไถกลบคลุกเคล้าให้เข้ากับดินพักดินไว้ 5-10 วัน จึงทำการปลูก

- ปลูกข้าวโพดตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่ หรือใช้ระบบการปลูกพืช โดยปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนหรือแซมในระหว่างแถวของข้าวโพด

- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือสูตรอื่นที่มีธาตุอาหารพืชเท่าเทียมกัน อัตรา 50-70 กก./ไร่ แบ่งใส่โดยใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกและใส่ครั้งที่สองเมื่อข้าวโพดสูงประมาณ 40 ซม. ใส่โดยการโรยข้างแถว ห่างแถวข้าวโพดประมาณ 15-20 ซม. แล้วพรวนดินกลบโคนต้น

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 1-3 ตัน/ไร่ หรือใช้ปุ๋ยสดตระกูลถั่วได้แก่ ถั่วมะแฮะ ปอเทือง ถั่วพร้า หรือถั่วพุ่มอัตราเมล็ดพันธุ์ 3-5 กก./ไร่ สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา 8-10 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝนราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมเมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50 % หรือมีอายุ 60 วัน จึงทำการไถกลบคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน พักดินไว้ 5-10 วันจึงทำการปลูกพืช

- ปลูกอ้อยตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่หรือใช้ระบบการปลูกพืชโดยใช้พืชแซมขณะที่อ้อยยังเล็กอยู่ ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง หรือถั่วชนิดอื่น

- ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 13-13-21 อัตรา 100 กก./ไร่ แบ่งใส่ 3 ครั้ง

ครั้งแรก ใส่รองก้นหลุมปลูกอัตรา 25 กก./ไร่

ครั้งที่สอง โรยข้างแถวเมื่ออ้อยอายุ 1 เดือน อัตรา 25 กก./ไร่

ครั้งที่สาม โรยข้างแถวเมื่ออ้อยอายุ 3 เดือน อัตรา 50 กก./ไร่

    ตารางที่ 3 (ต่อ)

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

ถั่วลิสง

พันธุ์ที่แนะนำ
ไทนาน 9
ขอนแก่น 60-1
ขอนแก่น 60-2

 

 

 

 

 

 

ถั่วเหลือง

พันธุ์ที่แนะนำ
สจ.4
สจ.5
เชียงใหม่

-ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

 


- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย


- ดินเป็นกรด

 


- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

 

 

-ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ


- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย


- ดินเป็นกรด

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกอัตรา 1-3 ตัน/ไร่ หรือไถกลบเศษซากต้นถั่วลิสงลงดินหรือเกลี่ยคลุมผิวดินหลังจากการเก็บเกี่ยว

 

- ปลูกถั่วลิสงตามแนวระดับขวางลาดเทของพื้นที่ปลูกแซมหรือปลูกหมุนเวียนกับพืชอื่นในระบบการปลูกพืช

- หว่านปูนขาว อัตราตามความต้องการปูนของดินพร้อมปุ๋ยอินทรีย์ก่อนเตรียมแปลง หรือใส่ยิปซั่มอัตรา 500-100 กก./ไร่ โดยโรยข้างแถวพืชขณะต้นถั่วแทงเข็ม หรือเมื่อต้นถั่วอายุ 40-50 วันให้โรยระหว่างแนวปลูกห่าง 15-20 ซม. แล้วพรวนดินกลบโคนต้น

- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 3-9-6 (N-P2-O5-K2-O) หรือสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กก./ไร่

แบ่งใส่สองระยะ คือใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกและใส่ครั้งที่สองโดยโรยข้างแถวพืชเมื่อต้นถั่วออกดอก หรือเมื่อต้นถั่วอายุ 20 วัน

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 1-3 ตัน/ไร่ ไถกลบเศษซากถั่วเหลืองลงดินหรือเกลี่ยคลุมผิวดินหลังจากการเก็บเกี่ยว

- ให้ปลูกถั่วเหลืองตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่หรือใช้ระบบปลูกแซมหรือหมุนเวียนพืชในระบบการปลูกพืช

- ใช้ปูนขาวอัตราตามความต้องการปูนของดินหว่านให้ทั่วแปลงพร้อมกับการหว่านปุ๋ยอินทรีย์ตอนเตรียมแปลงแล้วไถกลบทิ้งไว้ 30 วัน

  ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 3-6-9 (N-P2-O5-K2-O) กก./ไร่ หรือปุ๋ยสูตร 16-20-0 หรือ 20-20-0 อัตรา 30 กก./ไร่ ร่วมกับโพแทสเซียมคลอไรด์ 15 ฮ หรือสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กก./ไร่ โดยหว่านปุ๋ยทั้งหมดในแปลงแล้วพรวนหรือคราดกลบก่อนปลูก 1 วัน หรือโรยข้างแถวพืชหลังจากดายหญ้าครั้งแรกแล้วพรวนดินกลบโคนต้น

    ตารางที่ 3 (ต่อ)

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

ปอแก้ว

พันธุ์ที่แนะนำ
ปอแก้วไทย
เขียวใหญ่
ปอแก้วไทย
ต้นเขียว
ปอแก้วคิวนา
ขอนแก่น 60

 


ไม้ผล

แตงโม

พันธุ์ที่แนะนำ
ชูการ์เบบี้
ชาร์ลตันเกรย์
แตงโมเหลือง

- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

 

 


- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย


- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

 


- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

 

- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 1-3 ต้น/ไร่ หรือใช้ปุ๋ยพืชสดตระกูลถั่วได้แก่ ปอเทือง ปอเทืองเตี้ย ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม อัตราเมล็ดพันธุ์ 3-5 กก./ไร่ สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา 8-10 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝน ราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50 % หรือมีอายุ 60 วัน จึงทำการไถกลบคลุกเคล้าให้เข้ากับดินพักดินไว้ 5-10 วัน จึงทำการปลูกพืช

- ปลูกปอแก้วตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่ หรือใช้ระบบการปลูกพืช โดยปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนหรือแซมในระหว่างแถวของปอแก้ว

- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 8-8-8 N-P2-O5-K2-O) กก./ไร่ หรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 25-50 กก./ไร่ โรยข้างแถวพืชหลังปลูก 2 เดือน

 

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน โดยใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 2-4 ตัน/ไร่ หรือใส่หลุมละ4-5 ลิตร โดยใช้ระยะปลูกที่มีระยะห่างระหว่างหลุม 90 ซม. และระยะห่างระหว่างแถว 2-3 เมตร

- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 10-10-20 หรือ 13-13-21 อัตรา 100-150 กก./ไร่ โดยใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก และใส่เป็นจุดรอบโคนต้นเมื่ออายุ 30 วัน ให้ปุ๋ยเสริมดังนี้

ครั้งที่ 1 โรยรอบต้นด้วยปุ๋ยยูเรีย 1-2 ช้อนแกงต่อหลุม เมื่อมีใบจริง 4-5 ใบ

ครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยยูเรียข้างแถวต้นแตงโม เมื่อทอดยอดยาว 30 ซม. อัตรา 2-3 ช้อนแกงต่อหลุม

ครั้งที่ 3 ใส่ปุ๋ยยูเรียอัตรา 2-3 ช้อนแกงและโพแทสเซียมคลอไรด์ 1-2 ช้อนแกง ต่อหลุมข้างแถวต้นเมื่อเถาแตงโมยาว 90 ซม.

    ตารางที่ 3 (ต่อ)

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

สับปะรด

พันธุ์ที่แนะนำ
ปัตตาเวีย
ภูเก็ต สวีสิงคโปร์

 

 

 

 

มะม่วง

พันธุ์ที่แนะนำ
มะม่วงอกร่อง
น้ำดอกไม้
ทองดำ
หนังกลางวัน
มะม่วงแรด
พิมเสนมัน
เขียวเสวย
หนองแซง
ฟ้าลั่น
มะม่วงแก้ว

มะม่วงหิมพานต
พันธุ์ที่แนะนำ
ศรีษะเกษ 60-1
ศรีษะเกษ 60-2

- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำดินเกิดการชะล้างพังทลาย


- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย

- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

 

 

 


- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ


-ดินเป็นกรด

- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

 

 

 

-ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ

-ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุใส่ดินโดยใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักอัตรา 3-5 ตัน/ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงตอนเตรียมดินก่อนปลูก

- ควรปลูกสับปะรดตามแนวระดับขวางความลาดของพื้นที่

- ใส่ปุ๋ยเคมีดังนี้

ครั้งแรก ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 10-25 กรัม/ต้น ใส่ที่กาบใบล่างสุด เมื่ออายุ 3 เดือน

ครั้งที่สอง ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 12-12-15 อัตรา 10-25 กรัม/ต้น ที่กาบใบล่างสุด เมื่ออายุ 6 เดือน และอาจเพิ่มธาตุอาหารรอง ได้แก่ แคลเซี่ยม แมกเนเซี่ยม ซัลเฟอร์ เหล็ก สังกะสี ทองแดง และโบรอน

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกหรือเศษใบไม้แห้ง อัตรา 3-5 กก./หลุม ตอนเตรียมหลุมปลูก

- ใส่ปูนขาว อัตรา 3-5 กก./ต้น

- ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี โดยใส่ทุกปี ปีละ 4 ครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม และตุลาคม โดยใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 20-50 กก./ต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 จำนวนกิโลกรัมต่อต้นต่อปีจะมีอัตราเฉลี่ยเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุมะม่วงถึงเท่ากับอายุมะม่วง การใส่ปุ๋ยให้ใส่โดยหว่านให้รอบรัศมีทรงพุ่ม ปุ๋ยคอกให้โรยรอบรัศมีทรงพุ่มแล้วพรวนดินกลบ

 

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือเศษใบไม้แห้ง อัตรา 3-5 กก./หลุม ตอนเตรียมดินปลูก

- ในระยะก่อนตกผลใส่ปุ๋ย 4 ครั้งในเดือน มีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม ตุลาคม ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 20-30 กก./ต้น และควรใส่ทุกปีร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมีเฉลี่ยเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุมะม่วงถึงกับอายุมะม่วงหิมพานต์ ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 300-800 กรัม/ต้น เมื่ออายุ 1-2 ปี และใส่ในอัตรา 1 กก./ต้นเมื่ออายุ 3 ปี

ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1.5-5 กก./ต้น เมื่ออายุ 4-6 ปี ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 2-3 กก./ต้น เมื่ออายุ 7 ปีขึ้นไป

ขนุน

พันธุ์ที่แนะนำ
จำปาดะ
หนังตาบ๊วย
ฟ้าถล่ม
ทองสุดใจ
จำปากรอบ

- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ


- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 20-30 กก./ต้น รองก้นหลุมด้วยเศษพืชหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร

- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 1-2 กก./ต้น ตอนต้นฤดูฝน และปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 1-2 กก./ต้น ช่วงปลายฝน และควรใส่ปุ๋ยคอกทุกปี อัตรา 20-30 กก./ต้น โดยใส่รอบรัศมีทรงพุ่ม

 

back.gif (2807 bytes)forward.gif (2807 bytes)