8. สรุป
กลุ่มชุดดินที่ 35 เป็นกลุ่มชุดดินที่พบแพร่หลายมากในพื้นที่ดอน (upland) เกือบทุกภาคของประเทศยกเว้นภาคใต้ ภาคที่พบมากที่สุดได้แก่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ตามลำดับ รวมเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 7.8 ล้านไร่ หรือ ประมาณ2.4 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งประเทศ
ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินที่มีการระบายน้ำดีหรือดีปานกลาง มีเนื้อที่ค่อนข้างเป็นทรายจึงเป็นดินเนื้อละเอียดปานกลาง (medium-textured soils) เป็นดินลึก โดยทั่วไปกลุ่มชุดดินนี้ จัดว่าเหมาะสมในการที่จะนำมาใช้ปลูกพืชไร่ พืชล้มลุก ไม้ผล ไม้ยืนต้น หรือใช้ทำทุ่งหญ้าเลี้ยง สัตว์แต่ไม่เหมาะในการที่จะนำมาใช้ทำนา เนื่องจากสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามกลุ่มชุด ดินที่มีข้อจำกัดในการปลูกพืชหลายอย่างเช่น ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีความสามารถในการอุ้ม น้ำต่ำเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ และเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีความลาดชันสูง
แนวทางในการจัดการดินเพื่อปลูกพืชต่าง ๆ ที่สำคัญของกลุ่มชุดดินนี้ คือการเพิ่ม ความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยอินทรีย์ ควบคู่กับปุ๋ยเคมี โดยใช้ในอัตราและใส่ในระยะเวลาที่เหมาะสม การปรับปรุงคุณสมบัติของดินเพื่อให้มีโครงสร้างที่เหมาะสม การอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลาย และการจัดระบบการปลูกพืชทั้งแบบธรรมดา และแบบผสมผสาน
พืชที่แนะนำให้ปลูกได้แก่ ข้าวไร่ มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ปอแก้ว แตงโม สับปะรด มะม่วง มะม่วงหิมพานต์ และขนุนเป็นต้น
สำหรับการใช้ประโยชน์กลุ่มชุดดินนี้ทางการเกษตรให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดนั้น ควรเน้นการเกษตรแบบผสมผสาน โดยใช้ประโยชน์ ทั้งปลูกพืชไร่ ไม้ผลหรือไม้ยืนต้นสวนผักหรือ สวนไม้ดอก และการพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เพราะสภาพของดินและพื้นที่เหมาะสมกับการปลูกพืชต่าง ๆ ที่กล่าว และการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสานจะช่วยลดความเสี่ยงด้านราคาผลผลิตและเป็นระบบการผลิตที่มีกิจกรรมเกื้อกูลซึ่งกันและกันซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตและเป็นการรักษาความสามารถในการผลิตของดินให้ยั่งยืนต่อไป
ตารางที่ 3 สรุปการจัดการชุดดินที่ 35 ให้เหมาะสมในการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
ข้าวไร่ พันแนะนำ -ข้าวพันธุ์เบา -ซิวแม่จัน -จีนฮ่อ
พืชไร่ มันสำปะหลัง |
-
ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ดินเกิดการชะล้างพังทลาย
- มีน้ำขังแฉะในดิน ทำให้หัวมันเน่าและต้นตายในบางพื้นที่ - ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ |
-
เพื่ออินทรีย์วัตถุในดินโดยหว่านปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
อัตรา 1-3 ต่อตันต่อไร่
หรือใช้ปุ๋ยพืชสด
โดยหว่านเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดตระกูลถั่ว
ได้แก่ โสนอัฟริกัน
ปอเทืองหรือปอเทืองเตี้ย
อัตราเมล็ดพันธุ์ 5 กก. ต่อไร่
ควรหว่านรอฝน หรือต้นฤดูฝนกลาง
เดือนเมษายนหรือต้นเดือน
พฤษภาคม เมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50%
หรืออายุ 60 วัน
จึงทำการไถกลบหรือสับกลบลงดิน
ก่อนปลูกข้าว - ใส่ปุ๋ยเคมี แบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรก หลังข้าวงอก 20-30 วัน ข้าวพันธุ์ไม่ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ย (4+6)-6-4 กก./ไร่ (N-P2O5-K2O) ข้าวพันธุ์ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ย (3+3)-4-2 กก./ไร่ (N-P2O5-K2O) ครั้งที่สอง ระยะให้กำเนิดช่อดอกหรือประมาณ 30 วันก่อนข้าวออกดอก ใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตหรือแอมโมเนียมคลอไรด์ อัตรา 15-30 กก./ไร่ หรือปุ๋ยยูเรีย 7-15 กก./ไร่ - เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 1-3 ตันต่อไร่ หรือใช้ปุ๋ยพืชสดตระกูลถั่วได้แก่ ปอเทือง ถั่วพร้า หรือถั่วพุ่ม อัตรา เมล็ดพันธุ์ 3-5 กก./ไร่ สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์ อัตรา 8-10 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝนราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50% หรือมีอายุ 60 วัน จึงทำการไถกลบคลุมคล้าให้เข้ากับดิน พักดินไว้ 5-10 วันจึงทำการปลูกพืช - ปลูกมันสำปะหลังตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่หรือใช้ระบบการปลูกพืชโดยปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนแซมในระหว่างแถวของมันสำปะหลัง - ยกร่องปลูกพืชและ ชุดร่องระบายน้ำ - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือสูตรอื่นที่มีธาตุอาหารพืชใกล้เคียงกัน อัตรา 50-100 กก./ไร่ แบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกใส่รองก้นหลุมปลูกและครั้งที่ สองโรยข้างต้นเมื่อมันสำปะหลังอายุ 2 เดือน |
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
ข้าวโพด พันธุ์ที่แนะนำ
อ้อย พันธุ์ที่แนะนำ |
-
ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ
- ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ
- ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ |
-
เพิ่มอินทรีย์วัตถุโดยใส่ปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยคอกอัตรา 1-3 ตัน/ไร่
หรือใช้ปุ๋ยพืชสดตระกูลถั่วได้แก่ปอเทือง
ถั่วพร้า หรือถั่วพุ่ม
อัตราเมล็ดพันธุ์ 3-5 กก./ไร่
สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา
8-10 กก./ไร่
หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝนราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมเมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก
50 % หรือมีอายุ 60 วัน
จึงทำการไถกลบคลุกเคล้าให้เข้ากับดินพักดินไว้
5-10 วัน จึงทำการปลูก - ปลูกข้าวโพดตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่ หรือใช้ระบบการปลูกพืช โดยปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนหรือแซมในระหว่างแถวของข้าวโพด - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือสูตรอื่นที่มีธาตุอาหารพืชเท่าเทียมกัน อัตรา 50-70 กก./ไร่ แบ่งใส่โดยใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกและใส่ครั้งที่สองเมื่อข้าวโพดสูงประมาณ 40 ซม. ใส่โดยการโรยข้างแถว ห่างแถวข้าวโพดประมาณ 15-20 ซม. แล้วพรวนดินกลบโคนต้น - เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 1-3 ตัน/ไร่ หรือใช้ปุ๋ยสดตระกูลถั่วได้แก่ ถั่วมะแฮะ ปอเทือง ถั่วพร้า หรือถั่วพุ่มอัตราเมล็ดพันธุ์ 3-5 กก./ไร่ สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา 8-10 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝนราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมเมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50 % หรือมีอายุ 60 วัน จึงทำการไถกลบคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน พักดินไว้ 5-10 วันจึงทำการปลูกพืช - ปลูกอ้อยตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่หรือใช้ระบบการปลูกพืชโดยใช้พืชแซมขณะที่อ้อยยังเล็กอยู่ ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง หรือถั่วชนิดอื่น - ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 13-13-21 อัตรา 100 กก./ไร่ แบ่งใส่ 3 ครั้ง ครั้งแรก ใส่รองก้นหลุมปลูกอัตรา 25 กก./ไร่ ครั้งที่สอง โรยข้างแถวเมื่ออ้อยอายุ 1 เดือน อัตรา 25 กก./ไร่ ครั้งที่สาม โรยข้างแถวเมื่ออ้อยอายุ 3 เดือน อัตรา 50 กก./ไร่ |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
ถั่วลิสง พันธุ์ที่แนะนำ
ถั่วเหลือง พันธุ์ที่แนะนำ |
-ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ
-ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ
|
-
เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยคอกอัตรา 1-3 ตัน/ไร่
หรือไถกลบเศษซากต้นถั่วลิสงลงดินหรือเกลี่ยคลุมผิวดินหลังจากการเก็บเกี่ยว
- ปลูกถั่วลิสงตามแนวระดับขวางลาดเทของพื้นที่ปลูกแซมหรือปลูกหมุนเวียนกับพืชอื่นในระบบการปลูกพืช - หว่านปูนขาว อัตราตามความต้องการปูนของดินพร้อมปุ๋ยอินทรีย์ก่อนเตรียมแปลง หรือใส่ยิปซั่มอัตรา 500-100 กก./ไร่ โดยโรยข้างแถวพืชขณะต้นถั่วแทงเข็ม หรือเมื่อต้นถั่วอายุ 40-50 วันให้โรยระหว่างแนวปลูกห่าง 15-20 ซม. แล้วพรวนดินกลบโคนต้น - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 3-9-6 (N-P2-O5-K2-O) หรือสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กก./ไร่ แบ่งใส่สองระยะ คือใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกและใส่ครั้งที่สองโดยโรยข้างแถวพืชเมื่อต้นถั่วออกดอก หรือเมื่อต้นถั่วอายุ 20 วัน - เพิ่มอินทรีย์วัตถุดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 1-3 ตัน/ไร่ ไถกลบเศษซากถั่วเหลืองลงดินหรือเกลี่ยคลุมผิวดินหลังจากการเก็บเกี่ยว - ให้ปลูกถั่วเหลืองตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่หรือใช้ระบบปลูกแซมหรือหมุนเวียนพืชในระบบการปลูกพืช - ใช้ปูนขาวอัตราตามความต้องการปูนของดินหว่านให้ทั่วแปลงพร้อมกับการหว่านปุ๋ยอินทรีย์ตอนเตรียมแปลงแล้วไถกลบทิ้งไว้ 30 วัน |
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ | - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 3-6-9 (N-P2-O5-K2-O) กก./ไร่ หรือปุ๋ยสูตร 16-20-0 หรือ 20-20-0 อัตรา 30 กก./ไร่ ร่วมกับโพแทสเซียมคลอไรด์ 15 ฮ หรือสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กก./ไร่ โดยหว่านปุ๋ยทั้งหมดในแปลงแล้วพรวนหรือคราดกลบก่อนปลูก 1 วัน หรือโรยข้างแถวพืชหลังจากดายหญ้าครั้งแรกแล้วพรวนดินกลบโคนต้น |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
ปอแก้ว พันธุ์ที่แนะนำ
แตงโม พันธุ์ที่แนะนำ |
-
ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ |
-
เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยคอก อัตรา 1-3 ต้น/ไร่
หรือใช้ปุ๋ยพืชสดตระกูลถั่วได้แก่
ปอเทือง ปอเทืองเตี้ย ถั่วพร้า
ถั่วพุ่ม อัตราเมล็ดพันธุ์ 3-5
กก./ไร่
สำหรับถั่วพร้าใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา
8-10 กก./ไร่
หว่านให้ทั่วแปลงในตอนต้นฤดูฝน
ราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคม
เมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก 50 %
หรือมีอายุ 60 วัน
จึงทำการไถกลบคลุกเคล้าให้เข้ากับดินพักดินไว้
5-10 วัน จึงทำการปลูกพืช - ปลูกปอแก้วตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่ หรือใช้ระบบการปลูกพืช โดยปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนหรือแซมในระหว่างแถวของปอแก้ว - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 8-8-8 N-P2-O5-K2-O) กก./ไร่ หรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 25-50 กก./ไร่ โรยข้างแถวพืชหลังปลูก 2 เดือน
- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน โดยใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 2-4 ตัน/ไร่ หรือใส่หลุมละ4-5 ลิตร โดยใช้ระยะปลูกที่มีระยะห่างระหว่างหลุม 90 ซม. และระยะห่างระหว่างแถว 2-3 เมตร - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 10-10-20 หรือ 13-13-21 อัตรา 100-150 กก./ไร่ โดยใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก และใส่เป็นจุดรอบโคนต้นเมื่ออายุ 30 วัน ให้ปุ๋ยเสริมดังนี้ ครั้งที่ 1 โรยรอบต้นด้วยปุ๋ยยูเรีย 1-2 ช้อนแกงต่อหลุม เมื่อมีใบจริง 4-5 ใบ ครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยยูเรียข้างแถวต้นแตงโม เมื่อทอดยอดยาว 30 ซม. อัตรา 2-3 ช้อนแกงต่อหลุม ครั้งที่ 3 ใส่ปุ๋ยยูเรียอัตรา 2-3 ช้อนแกงและโพแทสเซียมคลอไรด์ 1-2 ช้อนแกง ต่อหลุมข้างแถวต้นเมื่อเถาแตงโมยาว 90 ซม. |
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชนิดพืช |
ปัญหาและข้อจำกัดใน การใช้ที่ดิน |
วิธีการจัดการดิน |
สับปะรด พันธุ์ที่แนะนำ
มะม่วง พันธุ์ที่แนะนำ มะม่วงหิมพานต์ |
-
ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำดินเกิดการชะล้างพังทลาย
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
-ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ -ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ |
-
เพิ่มอินทรีย์วัตถุใส่ดินโดยใส่ปุ๋ยคอก
หรือปุ๋ยหมักอัตรา 3-5 ตัน/ไร่
หว่านให้ทั่วแปลงตอนเตรียมดินก่อนปลูก - ควรปลูกสับปะรดตามแนวระดับขวางความลาดของพื้นที่ - ใส่ปุ๋ยเคมีดังนี้ ครั้งแรก ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 10-25 กรัม/ต้น ใส่ที่กาบใบล่างสุด เมื่ออายุ 3 เดือน ครั้งที่สอง ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 12-12-15 อัตรา 10-25 กรัม/ต้น ที่กาบใบล่างสุด เมื่ออายุ 6 เดือน และอาจเพิ่มธาตุอาหารรอง ได้แก่ แคลเซี่ยม แมกเนเซี่ยม ซัลเฟอร์ เหล็ก สังกะสี ทองแดง และโบรอน - เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกหรือเศษใบไม้แห้ง อัตรา 3-5 กก./หลุม ตอนเตรียมหลุมปลูก - ใส่ปูนขาว อัตรา 3-5 กก./ต้น - ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี โดยใส่ทุกปี ปีละ 4 ครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม และตุลาคม โดยใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 20-50 กก./ต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 จำนวนกิโลกรัมต่อต้นต่อปีจะมีอัตราเฉลี่ยเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุมะม่วงถึงเท่ากับอายุมะม่วง การใส่ปุ๋ยให้ใส่โดยหว่านให้รอบรัศมีทรงพุ่ม ปุ๋ยคอกให้โรยรอบรัศมีทรงพุ่มแล้วพรวนดินกลบ
- เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือเศษใบไม้แห้ง อัตรา 3-5 กก./หลุม ตอนเตรียมดินปลูก - ในระยะก่อนตกผลใส่ปุ๋ย 4 ครั้งในเดือน มีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม ตุลาคม ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 20-30 กก./ต้น และควรใส่ทุกปีร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมีเฉลี่ยเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุมะม่วงถึงกับอายุมะม่วงหิมพานต์ ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 300-800 กรัม/ต้น เมื่ออายุ 1-2 ปี และใส่ในอัตรา 1 กก./ต้นเมื่ออายุ 3 ปี ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1.5-5 กก./ต้น เมื่ออายุ 4-6 ปี ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 2-3 กก./ต้น เมื่ออายุ 7 ปีขึ้นไป |
ขนุน พันธุ์ที่แนะนำ |
-
ดินเป็นทรายความชื้นในดินต่ำ
|
-
เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินโดยใส่ปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยคอก อัตรา 20-30 กก./ต้น
รองก้นหลุมด้วยเศษพืชหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 1-2 กก./ต้น ตอนต้นฤดูฝน และปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 1-2 กก./ต้น ช่วงปลายฝน และควรใส่ปุ๋ยคอกทุกปี อัตรา 20-30 กก./ต้น โดยใส่รอบรัศมีทรงพุ่ม |