5. ปัญหาและข้อจำกัดของกลุ่มชุดดินที่ 53 ในการปลูกพืช

          ในสภาพปัจจุบัน กลุ่มชุดดินที่ 53 ใช้ประโยชน์ในการปลูกยางพารากันเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังใช้ปลูกไม้ผล พืชไร่บางชนิด เช่น ข้าวโพด ขนุน ทุเรียน มังคุด มะละกอ กาแฟ อย่างไรก็ตามการใช้ประโยชน์กลุ่มชุดดินที่ 53 ในการปลูกพืชต่าง ๆ ที่กล่าวแล้วมีปัญหาและข้อจำกัดหลายอย่าง คือ

         5.1 ปัญหาด้านความลึกของดิน เนื่องจากกลุ่มชุดดินนี้เป็นดินลึกปานกลางที่มีชั้นลูกรังก้อนกรวดหรือเศษหิน หรือชั้นหินพื้นของหินดินดานปะปนอยู่ในเนื้อดินมาก ระหว่างความลึก 50-100 ซม. ซึ่งทำให้การปลูกพืชรากลึก เช่น ยางพารา ไม้ผล มีปัญหาซึ่งขัดขวางการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูกได้

         5.2 ปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน เนื่องจากชุดดินนี้พบในสภาพพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่นลอนลาดถึงเป็นเนินเขา จึงมีแนวโน้มที่ก่อให้เกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน เกิดการสูญเสียหน้าดินจนกลายเป็นดินตื้น หากไม่ได้นำมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมมาปฏิบัติหรือมีการใช้ที่ดินอย่างระมัดระวัง

         5.3 ปัญหาความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ จากผลการวิเคราะห์ดินและการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของชุดดินต่าง ๆ ที่จัดอยู่ในกลุ่มดินนี้ พบว่าส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำเนื่องจากวัตถุต้นกำเนิดของดินกลุ่มนี้เป็นหินดินดาน และได้ผ่านกระบวนการสร้างดินมานาน จึงทำให้ธาตุอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อพืชถูกชะล้างออกไปจากหน้าดินและพืชนำไปใช้โดยมิได้มีการใส่ปุ๋ยทดแทน

        5.4 ปัญหาด้านการขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกพืช เนื่องจากกลุ่มดินนี้มีการระบายน้ำดี และพบชั้นหินพื้นในหน้าตัดดิน รวมไปถึงระดับน้ำใต้ดินอยู่ลึก สภาพพื้นที่มีความลาดชันจึงมีแนวโน้มที่กลุ่มดินนี้จะขาดแคลนน้ำได้ถ้าหากฝนทิ้งช่วงนาน

 

    back.gif (2807 bytes)forward.gif (2807 bytes)