6. การจัดการกลุ่มชุดดินที่ 60 เพื่อให้เหมาะสมในการปลูกพืช
6.1 การจัดการด้านปัญหาน้ำท่วม ควรทำพนังหรือเขื่อนกันน้ำพร้อมทั้งจัดระบบการระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่เพาะปลูก หรือการปรับระยะเวลาในการปลูกพืชเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงที่มีน้ำท่วมขัง
6.2 การจัดการด้านคุณสมบัติทางกายภาพของดิน เนื่องจากดินค่อนข้างเป็นทรายในบางพื้นที่ ควรมีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตันต่อไร่ หรือปลูกพืชปุ๋ยสดแล้วไถกลบลงดินก่อนปลูกพืชหลัก 1-2 เดือน และไถกลบเมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอกประมาณ 50% จะช่วยเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่ดินและทำให้ดินอุ้มน้ำได้ดีขึ้น
6.3 การรักษาความชื้นในดิน ควรมีการใช้วัสดุคลุมดินระหว่างแถวพืชที่ปลูก หรือมีการปลูกพืชคลุมดินในกรณีที่ใช้ในการปลูกไม้ผลและไม้โตเร็วและยังช่วยป้องกันการกัดเซาะดินเมื่อมีน้ำท่วมบ่า
6.4 การแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก โดยการสูบน้ำจากแม่น้ำใช้ในการเพาะปลูก ถ้าเป็นบริเวณที่อยู่ห่างจากแม่น้ำ ให้พัฒนาแหล่งน้ำเสริมโดยเฉพาะบริเวณที่เป็นที่ลุ่มที่อยู่ติดกับสันดินเก่าหรือสูบน้ำจากที่ลุ่ม (backswamp) มาช่วยในการเพาะปลูก
6.5 การรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน ควรดำเนินการดังต่อไปนี้
6.5.1 การจัดระบบการปลูกพืช ให้มีพืชบำรุงดินหรือพืชตระกูลถั่วอยู่ในระบบการปลูกพืชหมุนเวียน รวมทั้งการปลูกพืชตระกูลถั่วแซมระหว่างแถวไม้ผลหรือไม้ยืนต้น นอกจากช่วยปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินแล้ว ยังก่อให้เกิดรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย
6.5.2 การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่อัตรา 1-2 ตันต่อไร่ หรือการปลูกพืชปุ๋ยสดแล้วไถกลบลงดิน นอกจากเพิ่มแร่ธาตุอาหารพืชให้แก่ดินแล้ว ยังช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินอีกด้วย
6.5.3 การใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหารพืชให้แก่ดิน สำหรับสูตร อัตรา และวิธีการใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช ซึ่งได้กล่าวสรุปไว้ในตารางที่ 2