ภาคผนวก 5 ข้อเสนอแนะแนวทางการจัดทำโครางการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มชุดดินที่พบในที่ดอน สำหรับ การปลูกพืชเศรษฐกิจ
จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มชุดดินที่พบในที่ดิน สำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลงานที่ดำเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง พบว่ากลุ่มชุดดินบางกลุ่มได้มีการศึกษาวิจัยหรือทดลองค่อนข้างมาก บางกลุ่มมีการทดลองเพียงบางชุดดิน และบางกลุ่มไม่ได้มีการศึกษาและวิจัยเลย เพื่อประโยชน์ในการจัดทำโครงการวิจัยและให้ได้ข้อมูลสรุปทุกกลุ่มชุดดิน จึงได้เสนอแนะแนวทางการจัดทำโครงการวิจัยในอนาคตของกรมพัฒนาที่ดิน ดังได้สรุปไว้ในตารางข้างล่าง
ตารางแสดงถึงสภาพปัญหา ระดับข้อมูลที่มีในปัจจุบัน โครงการที่ควรดำเนินการและหน่วยงานของกรมพัฒนาที่ดินที่รับผิดชอบ
กลุ่มชุดดินที่ | สภาพปัญหา / ระดับข้อมูลที่มีในปัจจุบัน | โครงการศึกษาวิจัยที่ควรดำเนินการ / หน่วยงานของกรมพัฒนาที่ดินรับผิดชอบ |
26 |
1.
พื้นที่มีความลาดชันสูงในบางพื้นที่และเกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดินทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินเสื่อมลง 2. ดินบางชุดมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 3. ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวกับการจัดการดินสำหรับปลูกพืชมีในระดับปานกลาง ยกเว้นชุดโคกกลอย ท้ายเหมือง และปากจั่น มีน้อย ที่มีมากได้แก่ดินชุดห้วยโป่ง ภูเก็ต และอ่าวลึก |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการงานหามาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมทั้งวีการทางพืชและวิศวกรรม
เพราะสภาพพื้นที่ที่พบดินแต่ละชุดในกลุ่มแตกต่างกันค่อนข้างมาก
การรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินชุดต่างๆ
ในกลุ่ม
การป้องกันการชะล้างพังทลาย
การศึกษาด้านการจัดระบบการปลูกพืชที่มีพืชตระกูลถั่วแทรกอยู่ในระบบและศึกษารูปแบบการเกษตรแบบผสมผสาน
เช่นปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
พืชไร่
และพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ 2. การศึกษาเปรียบเทียบผลการตอบสนองต่อการจัดการดินอย่างเดียวกันระหว่างชุดดินในกลุ่ม เพราะดินมีสภาพพื้นที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันมาก รวมทั้งความแปรปรวนของภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ 3. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 , 11 และ 12 |
27 |
1.
การชะล้างพังทลายของดินเกิดขึ้นในระดับปานกลางถึงสูง 2. ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงระดับปานกลาง แต่มีแนวโน้มจะลดลงเนื่องจากการชะล้างพังทลายของดิน 3. ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการพินเพื่อการปลูกพืชมีน้อยในชุดดินหนองบอน ส่วนชุดดินท่าใหม่ มีในระดับปานกลางถึงค่อนข้างมาก |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน
การหามาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชแต่ละอย่างและแต่ละสภาพพื้นที่
การรักษาความชื้นในดิน
การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และการเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน 2. สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ |
28 |
1.
การชะล้างพังทลายของดิน 2. ดินมีความชื้นไม่เพียงพอในการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง 3. ดินขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็นบางอย่าง 4. ข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินยังมีน้อยสำหรับดินบางชุดในกลุ่ม เช่นชุดดินดงลานชุดน้ำเลน ชุดวังชมพู และชุดบรีรัมย์ |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำทางพืช
การรักษาความชื้นในดินช่วงฤดูแล้ง
การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินด้วยการใช้ปุ๋ยทั้งเคมี
และปุ๋ยอินทรีย์
สำหรับพืชแต่ละชนิด
รวมทั้งการศึกษาการจัดระบบการปลูกพืชที่รักษาเสถียรภาพการผลิตของดิน 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 , 8 และ 5 |
29,30 |
1.
การชะล้างพังทลายของดิน 2. ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำเป็นส่วนใหญ่ 3. ดินมีความชื้นไม่เพียงพอในการปลูกพืช 4. ข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินบางชุดมีมาก ได้แก่ ดินชุด ปากช่อง บ้านจ้อง ห้างฉัตร ส่วนดินชุดอื่นในกลุ่มยังมีน้อย โดยเฉพาะดินในกลุ่มที่ 30 |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านหามาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่ที่มีความลาดชันต่างกัน
การจัดระบบการปลุกพืชที่มีพืชบำรุงดินแทรกอยู่
การรักษาความชื้นในดิน
และการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเสริมการเพาะปลูกทั้งฤดูฝนและฤดูแล้ง
การศึกษาทดลองเกี่ยวกับสูตรและอัตราการเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ย
เนื่องจากในกลุ่มชุดดินนี้ได้รวมชุดดินที่มีลักษณะแตกต่างกัน
และการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้ที่ดินในเชิงอนุรักษ์สำหรับบริเวณที่มีความลาดชันสูง
โดยเฉพาะการใช้ที่ดินแบบวนเกษตรและการปลูกไม้ผลหรือพืชเมืองหนาวในกลุ่มชุดดินที่
30 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3,6,7,8,9 และ 10 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่กล่าว |
31 |
1.
การชะล้างพังทลายของดินที่มีความลาดชันของดินที่มีความลาดชันของพื้นที่ตั้งแต่
5% ขึ้นไป 2. ขาดแคลนน้ำหรือดินมีความชั้นไม่เพียงพอในช่วงฝนทิ้งช่วงและในฤดูแล้ง 3. การศึกษาวิจัยยังอยู่นขอบเขตจำกัดหรือมีข้อมูลอ้างอิงน้อย |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการรักษาเสถียรภาพการผลิตของดิน
การรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน
และการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินด้วยมาตรการทางพืช
โดยเฉพาะดินชุดเลยที่มีความลาดชันเกิน
5% 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3,5 และ 8 |
32 |
1.
ดินขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็นบางอย่างโดยเฉพาะไนโตรเจน
และฟอสฟอรัส 2. มีน้ำท่วมฉับพลันบางช่วงในฤดูฝน 3. การศึกษาวิจัยยังมีน้อย |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการใช้ที่ดิน
สำหรับปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น
และพืชไร่อายุสั้น
การศึกษาวิจัยหาสูตรและอัตราการใช้ที่เหมาะสมสำหรับไม้ผลแต่ละชนิด
การรักษาเสถียรภาพการผลิตและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 11 และ 12 |
33 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง
คุณสมบัติทางกายภาพและขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง 2. การศึกษาวิจัยยังน้อยสำหรับดินบางชุดในกลุ่ม เช่น ดงยางเอน สำสนธิ และน้ำคุก |
1.
การรักษาความชื้นในดินโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
การพัฒนาแหล่งน้ำและการเพิ่มผลผลิตของพืชที่ปลูกโดยการใช้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์
และปุ๋ยเคมี 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1,6,7,8,9 และ 10 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตดังกล่าว |
34 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
การชะล้างพังทลายของดิน
คุณสมบัติทางกายภาพความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
และขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกบางช่วง 2. การศึกษาวิจัยด้านการจัดการดินบางชุดยังมีน้อย เช่นชุดดินคลองนกกระทุง ละหาร ควรหาหลง และนาท่าม |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นหาทางเลือกในการใช้ประโยชน์
ได้แก่ การปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น
พืชไร่อายุสั้น
และการพัฒนาเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
การศึกษาด้านหามาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสม
การรักษาเสถียรภาพการผลิตและรักษาปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 2,11 และ 12 |
35,36 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
คุณสมบัติทางกายภาพ
โดยเฉพาะความสามารถในการอุ้มน้ำของดินการชะล้างพังทลายของดินและขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกทั้งในช่วงฤดูฝนที่ฝนทิ้งช่วงและในฤดูแล้งดินค่อนข้างแห้งจัดไม่สามรถปลูกพืชไร่และพืชผักได้ 2. การศึกษาวิจัยมีการดำเนินการค่อนข้างมากในดินบางชุด แต่บางชุดยังมีน้อย |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการจัดระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับดินแต่ละชุด
การอนุรักษ์และน้ำทางพืช
การรักษาและปรับปรุงเสถียรภาพการผลิต
และความอุดมสมบูรณ์ของดิน
การรักษาความชื้นในดิน
การพัฒนาแหล่งน้ำและการใช้ที่ดินทางการเกษตรแบบผสมผสาน 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2,3,4,5 และ 8 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต |
37 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
เนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย
ความอุดมสมบูรณ์และความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำมาก
การชะล้างพังทลายของดินและขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก 2. การดำเนินการศึกษาวิจัยยังอยู่ในขอบเขตจำกัดหรือมีน้อย |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นการเปรียบเทียบการใช้ประโยชน์ด้านการปลูกไม้ผลโตเร็ว
และพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
การรักษาความชื้นในดินการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการจัดระบบการปลูกพืชที่มีพืชตระกูลถั่วแทรก
และการใช้ปุ๋ยทั้งปุ๋ยอินทรีย์
และปุ๋ยเคมีสำหรับพืชแต่ละชนิดที่ปลูก 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5,8 และ 9 |
38 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
เนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายในบางชุดดินได้แก่
ชุดดอนเจดีย์ และชุดไทรงาม
ทำให้ดินแห้งเร็วหรือมีความชื้นต่ำ
ความอุดมสมบูรณ์ของดินบางชุดต่ำ
และน้ำท่วมในบางพื้นที่ 2. การศึกษาวิจัยยังดำเนินการในขอบเขตจำกัด |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการเปรียบเทียบผลตอบสนองของการจัดการดินอย่างเดียวกันระหว่างดินชุดดอนเจดีย์และดินชุดไทรงาม
กับกัน
การศึกษาวิจัยด้านการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์
การเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน
การรักษาความชื้นในดินในช่วงฤดูแล้ง
และการจัดระบบการปลูกที่เหมาะสมกับดินแต่ละชุด 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักพัฒนาที่ดินเขต 1,8 และ 9 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่กล่าว |
39 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
การชะล้างพังทลายของดิน
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำความสามารถในการอุ้มน้ำและขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก 2. การศึกษาวิจัยยังดำเนินการในขอบเขตจำกัด หรือมีข้อมูลการวิจัยที่จะใช้อ้างอิงน้อย |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการใช้ประโยชน์ในการปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ทั้งการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี
การอนุรักษ์ดินและน้ำทางพืช
และการรักษาความชื้นของดินด้วยมาตราการต่างๆ 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 11 และ 12 |
40,41 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
เนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายและมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ
การชะล้างพังทลายของดินในบางพื้นที่และขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง 2. การศึกษาวิจัยได้ดำเนินการอยู่ในระดับปานกลาง แต่ผลการวิจัยยังกระจัดกระจาย |
1.
การศึกษาวิจัย
ควรเน้นด้านการเปรียบเทียบการใช้ประโยชน์ระหว่างพืชไร่
ไม้ผล หรือไม้ยืนต้น
และการพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์การอนุรักษ์ดินและน้ำทางพืช
การรักษาความชื้นในดิน
การรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน
เน้นการจัดระบบการปลูกพืชหมุนเวียนที่มีพืชบำรุงดินแทรกและการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 3,5,6 และ 10 |
42 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
เนื้อดินทรายจัดความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
มีชั้นดานอินทรีย์เกิดขึ้นภายใจความลึก
1 เมตรจากผิวดิน
และขาดแคลนน้ำที่มีความดีในการเพาะปลูก 2. การศึกษาวิจัยได้ดำเนินการในระดับปานกลาง แต่ยังขาดการสรุปที่ชัดเจน |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการเลือกชนิดพืช
ที่เหมาะสม
การขุดหลุมหรือเตรียมหลุมไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
การทำลายชั้นดานอินทรีย์
การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และความสามารถในการอุ้มน้ำของดิน
และการศึกษาพัฒนาทุ่งหญ้าผสมถั่วในการเลี้ยงสัตว์ 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 12 |
43,44 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
เนื้อดินเป็นทรายจัดมาก
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก
ความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำและธาตุอาหารพืชที่ใส่ลงไปในรูปปุ๋ยเคมีสูญหายไปได้ง่าย
และการชะล้างพังทลายของดินกลุ่ม
44 2. การศึกษาวิจัยอยู่ในขอบเขตจำกัดหรือยังมีน้อยในบางชุดดิน |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการเลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสมมาปลูก
การเพิ่มอินทรีย์วัตถุด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และการจัดระบบการปลูกพืชการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และการรักษาความชื้นในดินและการศึกษาการขังแช่ของน้ำในหน้าตัดดินชุดน้ำพองทำให้พืชที่ปลูกได้รับความเสียหาย 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2,3,5,10,11 และ 12 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับ สำนักงานพัฒนาที่ดินดังกล่าว |
45,46,47 48,49,51 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่ ดินตื้น
การชะล้างพังทลายของดิน
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำและขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกพืชล้มลุก 2. การศึกษาวิจัยยังดำเนินการอยู่ในขอบเขตจำกัด โดยเฉพาะด้านการจัดการดินเพื่อการปลูกพืช |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการเตรียมหลุมปลูก
สำหรับไม้ผลหรือไม้ยืนต้นหรือไม้โตเร็ว
การป้องกันการชะล้างพังทลาย
โดยวิธีทางพืช
การรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินทั้งการใส่ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี
และการศึกษาทางเลือกการใช้ประโยชน์โดยเฉพาะด้านการพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ผสมถั่วและการปลูกพืชที่เหมาะสม 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2,11 และ 12 สำหรับกลุ่มชุดดินที่ 45 และ 51 สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3,6,7,8,9 และ 10 สำหรับกลุ่มชุดดินที่ 46,47,48 และ 49 |
50 |
1.
ปัญหาหลักดินลึกปานกลางความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
และการชะล้างพังทลายของดิน 2. การศึกษาวิจัยยังดำเนินการในขอบเขตจำกัด |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นทางเลือกการใช้ประโยชน์ที่เหมาะสม
การเตรียมหลุมปลูกสำหรับไม้ยืนต้นหรือไม้ผล
ศึกษามาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำทางพืชที่ลงทุนต่ำ
และการยอมรับของเกษตรกร
การปรับปรึงความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อรักษาเสถียรภาพการผลิตของดิน 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 11 และ 12 |
52 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่ ดินตื้นมาก
ดินเป็นด่างจัด ดินขาดแคลนน้ำ
หรือมีความชื้นไม่เพียงพอในการปลูกพืชโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง 2. การศึกษาวิจัยได้ดำเนินการค่อนข้างมากในดินชุดตาคลี ส่วนดินชุดบึงชนังยังมีน้อย |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นการเลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสมมาปลูก
การจัดระบบการปลูกพืชที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรภาพการผลิตของดิน
การเตรียมหลุมปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
และการรักษาความชื้นในดินในช่วงฤดูแล้ง 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1,2 และ 3 |
53 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
ดินลึกปานกลางความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
และการชะล้างพังทลายของดิน 2. การศึกษาวิจัยได้ดำเนินการอยู่ในระดับปานกลาง |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการหาทางเลือกในการใช้ประโยชน์ระหว่างไม้ผล
หรือไม้ยืนต้น พืชไร่
และพัฒนาทุ่งหญ้า
ผสมถั่วเพื่อเลี้ยงสัตว์มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมสำหรับไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
การรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน
เพื่อการรักษาเสถียรภาพการผลิตของดิน 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2,11 และ 12 |
54 |
1.
ปัญหาหลักดินแห้งและความชื้นไม่เพียงพอในการปลูกพืชโดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง
และการชะล้างพังทลายของดิน 2. การศึกษาวิจัยดำเนินการในระดับปานกลางและมีมากในดินชุดลำนารายณ์ |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการจัดระบบการปลูกพืชเพื่อรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน
และรักษาเสถียรภาพการผลิตของดิน
การป้องกันการชะล้างพังทลายของดินด้วยวิธีการทางพืช 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 และ 8 |
55 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
การชะล้างพังทลายของดิน
คุณสมบัติกายภาพโดยเฉพาะชุดจัตุรัส
ขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกพืชดินมีความชื้นไม่เพียงพอในบางช่วง
และดินขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็นบางอย่างโดยเฉพาะไนโตรเจนและฟอสฟอรัส 2. การศึกษาวิจัยยังดำเนินการในขอบเขตจำกัด หรือมีข้อมูลที่จะใช้อ้างอิงน้อย |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นในด้านต่างๆ
เช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินที่ 55 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3,8 และ 10 |
56 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
การชะล้างพังทลายของดิน
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำเป็นดินลึกปานกลาง
และขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกหรือดินมีความชื้นไม่เพียงพอในบางช่วง 2. การศึกษาวิจัยยังดำเนินการอยู่ในขอบเขตจำกัดหรือยังมีข้อมูลน้อยที่จะใช้อ้างอิง |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านทางเลือกในการใช้ประโยชน์หรือทำการเกษตรแบบผสมผสาน
มาตรการอนุรักษ์ดินทางพืชที่เหมาะสมการรักษาความชื้นในดิน
การเตรียมหลุมปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
และการพัฒนาทุ่งหญ้าผสมถั่วสำหรับการเลี้ยงสัตว์ 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3 และ 8 |
60 |
1.
ปัญหาหลักได้แก่
เนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายและมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำในบางพื้นที่และดินมีความชื้นไม่เพียงพอในการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง 2. การศึกษาวิจัยยังดำเนินการในขอบเขตจำกัด |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นการจัดระบบการปลูกพืชเพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์และเสถียรภาพการผลิตของดิน
ศึกษาหาทางเลือกการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสมการรักษาความชื้นในดินและการใช้ที่ดินทางการเกษตรแบบผสมผสาน
หารูปแบบที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 และ 3 |
61,62 |
1.
ปัญหาหลักพื้นที่เป็นภูเขามีความลาดชันสูงเป็นส่วนใหญ่
การชะล้างพังทลายของดินรุนแรง
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำในบางพื้นที่
และเป็นพื้นที่อยู่ในเขตอนุรักษ์ของกรมป่าไม้และเขตลุ่มน้ำชั้น
1 และ 2 เป็นส่วนใหญ่ 2. การศึกษาวิจัยได้ดำเนินการค่อนข้างมากในบางพื้นที่โดยเฉพาะในภาคเหนือ แต่ไม่สามารถนำมาอ้างอิงในการจัดการดิน เพราะมีดินหลายชุดหรือชนิดรวมอยู่ในกลุ่มดินทั้งสองดังกล่าว |
1.
การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการอนุรักษ์ไม่ให้ดินเสื่อมโทรม
เช่นการปลูกพืชในเชิงอนุรักษ์ที่มีพืชบำรุงดินแทรกอยู่ในระบบการปลูกพืชการศึกษาหามาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมสำหรับแต่ละภาค
การศึกษาระบบการใช้ที่ดินแบบวนเกษตรและการปลูกไม้ผลเมืองหนาวทดแทนป่าที่ถูกทำลายหรือการปลูกป่าทดแทนและการศึกษาใช้ที่ดินแบบปราณีต
(intensive farrning) 2. การศึกษาด้านการจำแนกและทำแผนที่ดินอย่างละเอียดที่จะนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์หรือที่ใช้ประโยชน์อยู่แล้ว เพื่อให้ได้ข้อมูลระดับชุดดินหรือประเภทของชุดดินที่จะใช้เป็นฐานของการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินและการให้ข้อเสนอแนะในการจัดการดินให้ถูกต้อง 3. หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ กองอนุรักษ์ดินและน้ำ กองสำรวจและจำแนกดิน และสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตต่างๆ โดยเน้นในเขตภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
1. ในการจัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มดินเพื่อการปลูกพืช ควรจะได้มีการศึกษา สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับแปลงทดลองให้ละเอียดพอ (site characterization) เนื่องจากดินในกลุ่มชุดดินเดียวกันบางกลุ่มมีความแตกต่างกันในสภาพภูมิอากาศ วัตถุต้นกำเนิดดิน การใช้ประโยชน์และอื้นๆ ดังนั้นการตอบสนองต่อการจัดการอย่างเดียวกันอาจมีความแตกต่างกัน ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการให้เหตุผลของผลการทดลองหรือวิจัยที่ออกมา
2. ในการจัดทำโครงการวิจัยของกลุ่มชุดดินแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มดินที่ประกอบด้วยชุดดินที่พบในภาคต่างๆ ควรจะได้มีแปลงทดลองหรือวิจัยให้ครบทุกภาคในการทดลองเดียวกัน เพื่อจะได้นำผลมาสรุปเปรียบเทียบถึงผลที่ออกมาเหมือนกันหรือแตกต่างกัน ในการจัดทำโครงการวิจัยสำหรับกลุ่มดินประเภทนี้ ควรให้นักวิชาการกองอนุรักษ์ ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่พบดินชุดต่างๆ ในกลุ่มวางโครงการวิจัย เป็นผู้ประสานงานและสรุปเปรียบเทียบผลการทดลองดังกล่าว
3. ในกลุ่มชุดดินเดียวกันที่ประกอบด้วยชุดดินต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันในด้านการจำแนกระดับวงศ์ (soil family) ควรจัดทำโครงการวิจัยเปรียบเทียบผลตอบสนองต่องการจัดการดินอย่างเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลการทดลองหรือวิจัยครอบคลุมของทุกชุดดินได้จะเป็นประโยชน์ต่อการให้ข้อเสนอแนะในการจัดการดินเพื่อการปลูกพืชต่างๆ
4. ในการจัดทำโครงการวิจัยในอนาคตสำหรับกลุ่มชุดดินแต่ละกลุ่ม นักวิชาการของกรมพัฒนาที่ดินควรพิจรณาถึงระดับข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย เพราะการดำเนินการงานวิจัยในอดีตบางชุดดินในกลุ่มเดียวกันได้มีการวิจัยมากหรือค่อนข้างมาก บางชุดดินไม่มีผลการศึกษาวิจัยเลยหรือมีน้อย ถ้าเป็นไปได้ควรจะได้ร่างโครงการวิจัยให้ครอบคลุมดินมากที่สุด โดยเฉพาะชุดดินที่มีการใช้ประโยชน์ทางการเพาะปลูกหรือทางการเกษตรมาก
5. เพื่อให้ข้อเสนอแนะข้อที่ 4. บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย กรมพัฒนาที่ดินควรมีการสรุปผลการศึกษาวิจัยที่ดำเนินการในอดีตสำหรับกลุ่มชุดดินแต่ละกลุ่ม เพื่อหาข้อสรุปการจัดการดินแต่ละเรื่องและเพื่อให้ทราบว่าปัญหาใดบ้างที่ยังไม่ได้มีการศึกษาวิจัย จะได้ร่างโครงการศึกษาวิจัยต่อไปในอนาคต
6. การกำหนดแปลงทดลองหรือการวิจัยแต่ละแห่งควรจะได้ทำการจำแนกดินในระดับชุดดิน (soil series) และระดับวงศ์ (soil family) ตามการจำแนกดินในระบบอนุกรมวิธานดิน (Soil Taxonomy) เพื่อประโยชน์ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลการศึกษาวิจัยระหว่างพื้นที่และระหว่างประเทศ
7. ในปัจจุบันข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินของกรมพัฒนาที่ดินมีค่อนข้างมาก แต่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ เพราะขาดระบบการจัดเก็บและการบริหารข้อมูลที่ดีพอ การให้ข้อเสนอแนะแก่เกษตรกรยังเป็นรูปแบบที่กว้างเกินไป ยังขาดข้อมูลจัดการดินสำหรับพืชเฉพาะอย่างและแต่ละชนิดของดินในสภาพพื้นที่เฉพาะแห่ง