6. การจัดการกลุ่มชุดดินที่ 22 เพื่อให้เหมาะสมในการปลุกพืช

          ในการจัดการกลุ่มชุดดินที่ 22 ให้เหมาะสมในการปลุกพชนั้นจะต้องพิ่จารณาจากข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วพิจารณาร่วมกับการจัดระบบการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของดินแต่ละชุดในกลุ่มซึ่งพอจะสรุปได้ต่อไปนี้

        6.1 การเลือกชนิดของพืชให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่และชนิดองดิน เนื่องจากกลุ่มชุ่ดดินที่ 22 พบสภาพพื้นที่รายต่ำมีสภาพพื้นที่ราบเรียบถึงเกือบราบเรียบเป็นส่วนใหญ่จึงเหมาะสมในการปลูกข้าวเป็นอันดับแรกในช่วงฤดูฝน และสามารถปลูกพืชไร่อายุสั้น เช่น ถั่วเหลือถั่วเขียว ถั่วลิสง ยาสูบ และพืชผักต่าง ๆ ก่อนและหลังการปลูกข้าวได้ นอกจากนี้ควรจะได้พิจารณานำพืชบำรุงดินมาปลูกสลับกับการปลูกข้างเพื่อช่วยในการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และคุณสมบัติทางกายภาพของดิน การที่จะใช้กลุ่มชุดดินนี้ปลูกไม้ผลนั้นจำเป็นจะต้องป้องกันน้ำท่วมโดยทำคันล้อมรอบพื้นที่และมีการยกร่องเพื่อช่วยปรับปรุงการระบายน้ำของดิน

        6.2 การจัดการเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกลุ่มชุดดินที่ 22 มักจะมีน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนถ้าจะใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชไร่ ไม้ผลและพืชผักจำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยการทำคันล้อมรอบพื้นที่เพื่อป้องกันน้ำท่วม และมีประตูสำหรับเปิดและปิดให้นำเข้าและระบายออกจากแปลงเพาะปลูกได้ด้วย

        6.3 การจัดการเพื่อแก้ปัญหาการระบายน้ำของดินซึ่งจะต้องทำต่อเนื่องจากการแก้ปัญหาน้ำท่วมเพราะกลุ่มชุดดินนี้ในช่วงฤดูฝนระดับน้ำใต้ดินจะอยู่ตึ้นใกล้ผิวดินบางแห่งอาจอยู่ที่ผิวดินจำเป็นต้องงมีการยกร่องถ้าจะใช้ในการปลูกพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก การทำร่องระบายน้ำรอบแปลงก็มีความจำเป็นในกรณีที่ปลูกพืชไร่และผักที่ไม่การยกร่องเป็นแปลง ๆ เพื่อช่วยการระบายน้ำออกเมื่อเวลาฝนตกหนัก

        6.4 การจัดการเพื่อแก้ปัญหาด้านโครงสร้างของตน เนื่องขากกลุ่มชุดดินที่ 22 มีเนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายและมีโครงสร้างแบบแน่นทึบ ไม่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูก จำเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไขโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักในอัตรา 1.5- 2.0 ตันต่อไร่ ใส่คลุกเคล้ากับเนื้อดินบน หรือการปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น ปอเทือง หรือโสนอัฟริกันแล้วไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสด หรือการใช้วัสดุปรับปรุงดินอย่างอื่น เช่น ชี้เลื้อย แกลบ กากน้ำตาลและเศษพืชเป็นต้น ไถคลุกเคล้า และกลบลงไปในดิน จะช่วยทำให้ดินเกิดความร่วนซุย และเมื่อสิ่งเหล่านี้สลายตัวดีแล้วจุช่วยดูดซับธาตุอาการพืชที่ใส่ลงไปในรูปของปุ๋ยเคมี ไม่ให้สูญเสียไปได้ง่ายอีกด้วย

        6.5 การจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ เนื่องจากกลุ่มชุดดินที่ 22 ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ และเสื่อมลงเป็นผลจาการใช้ในการเพาะปลูกติดต่อกันเป็นเวลานานจำเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งสามารถดำเนินการให้หลายวิธีดังนี้

            6.5.1 การจัดระบบการปลูกพืชหมุนเวียนที่มีพืชตระกูลถั่วสอดแทรกอยู่ในระบบการปลูกพืชหลักซึ่งจะมีส่วนช่วยในการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินและเป็นการเพิ่มผลผลิตของพืชหลักที่ปลูกอีกด้วย การปลูกพืชหมุนเวียนที่มีพืชตระกูลถั่วแทรกอยู่เช่น ถั่วเหลือง ข้าว ยาสูบ หรือ พืชผัก ข้าว ถั่วต่าง ๆ เป็นต้น

            6.5.2 การปลูกพืชปุ๋ยสดแล้วไถกลบลงในดิน เป้ฯอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านกายภาพแลความอุดมสมบูรรณ์ของดิน พืชปุ๋ยสดที่แนะนำได้แก่ ปอเอง โสนอัฟริกัน และถั่วต่าง ๆ โดยปลูกพืชปุ๋ยสดเหล่านี้ก่อนการปลุกข้าว 2-3 เดือน แล้วไถกลบลงไปในดินเมือพืชปุ๋ยสดออกดอก เป็นวิธีปรับปรุงบำรุงดินอย่างหนึ่งช่วยทำให้ผลผลิดของข้าวเพิ่มขึ้นและยังช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินให้คงอยู่ตลอดไป

            6.5.3 การใช้ปุ๋ยเพื่อปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินและการเพิ่มผลผลิดของพืชที่ปลูกสำหรับกลุ่มชุดดินที่ 22 นั้นจำเป็นต้องใช้ทั้งปุ๋ยอินนทรีย์ และปุ๋ยเคมี เนื่องจากลักษณะเนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายและความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ ปุ๋ยอินทรีย์เช่นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และปุ๋ยพืชสดจะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านกายภาพให้ดีขึ้น โดยใช้อัตรา1.5 – 2.0 ตันต่อไร่ ส่วนปุ๋ยเคมีนั้น จุขึ้นอยู่กับชนิดของดินและพืชที่ปลุก ซึ่งสรุปไว้ในตารางที่ 3

 

    back.gif (2807 bytes)forward.gif (2807 bytes)