ภาคผนวก 5 ข้อเหนอแนะแนวทางการจัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับการจัดกลุ่มชุดดินที่พบในที่ ราบต่ำ สำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจ
จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มชุดดินที่พบในที่ราบต่ำ เพื่อใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลงานที่ดำเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรและส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง พบว่ากลุ่มชุดดินบางกลุ่มได้มีการศึกษาทดลองค่อนข้างมาก บางกลุ่มมีการทดลองเพียงบางส่วน และบางกลุ่มไม่ได้มีการศึกษาทดลองเลย เพื่อประโยชน์ในการจัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มชุดดิน จึงได้เสนอแนะแนวทางการจัดทำโครงการวิจัยในอนาคตของกรมพัฒนาที่ดิน ตามสภาพปัญหาและระดับของข้อมูลของกลุ่มชุดดินที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังที่แสดงไว้ในตารางข้างล่าง
ตาราง : แสดงถึงสภาพปัญหา ระดับของข้อมูล โครงการที่ควรดำเนินการ และหน่วยงานของกรมพัฒนาที่ดินที่รับผิดชอบ
กลุ่มชุดดินที่ | สภาพปัญหา/ระดับข้อมูลที่มีในปัจจุบัน |
โครงการศึกษาวิจัยที่ควรดำเนินการ/หน่วยงานของกรมพัฒนาที่ดินที่รับผิดชอบ |
1 | 1)การระบายน้ำของดินเลวและมีน้ำขัง
4-5 เดือนในรอบปี
ไม่เหมาะสำหรับการปลูกพืชไร่
พืชผักและไม้ผล 2)ดินเหนียวจัดและคุณสมบัติ ทางกายภาพไม่ค่อยเหมาะสมต่อการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล 3)ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาและทดลองในการจัดการดินเพื่อใช้ในการปลูกพืชของกลุ่มชุดดินนี้มีในระดับปานกลางจะมีน้อยในบางชุดดิน เช่น ดินชุดบุรีรัมย์และบ้านโพธิ์ |
1)การศึกษาด้านการปรับปรุงสภาพการระบายน้ำของดินและการแก้ปัญหาน้ำท่วมเมื่อต้องการเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นปลูกพืชไร่
พืชผัก และไม้ผล
โดยการยกร่องและควรศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจด้วย 2)ศึกษาด้านการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพโดยการใช้ปุ๋ยพืชสด ในอัตราและวิธีการใส่ต่าง ๆ กัน 3)การศึกษาด้านการขาดธาตุอาหารหลักและจุลธาตุบางอย่าง เช่น ฟอสฟอรัสและเหล็ก ในการปลูกพืชตระกูลถั่ว 4)สำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 1 ควรจัดทำโครงการศึกษาวิจัยในเรื่องต่าง ๆ ที่ กล่าว |
2 | 1)การระบายน้ำของดินเลว
และมีน้ำขังหรือท่วมเป็นระยะเวลานานในรอบปี
ไม่เหมาะสำหรับการปลูก พืชไร่
พืชผัก และไม้ผล 2)คุณสมบัติทางกายภาพของดินไม่ดีเป็นดินเหนียวจัดและหน้าดินไม่ร่วนซุย เป็นข้อจำกัดในการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล 3)ดินเป็นกรดแก่มากถึงเป็นกรดจัด 4)ข้อมูลการศึกษาและทดลองเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อการปลูกพืชอยู่ในระดับปานกลาง จะมีน้อยก็เฉพาะชุดศรีสงคราม ท่า ขวาง และชุมแสง |
1)ศึกษาเน้นด้านการปรับปรุงสภาพการระบายน้ำของดิน
เมื่อใช้เพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งและเมื่อต้องการเปลี่ยน
สภาพการใช้ประโยชน์จากนาข้าว
เป็นพื้นที่ปลูกพืชไร่
พืชผักและไม้ผลอย่างถาวรโดยการยกร่องและศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจด้วย 2)ศึกษาด้านการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพดดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในรูปต่าง ๆ หรือวัสดุปรับปรุงดินเพื่อให้เหมาะสมต่อการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล 3)ศึกษาและเปรียบเทียบด้านการตอบสนองต่อการจัดการดินในรูปต่าง ๆ ของชุดดินชุมแสง และศรีสงครามกับดินชุดอื่นในกลุ่มเนื่องจากวัตถุต้นกำเนิดทั้งสองชุดมีความแตกต่างกับดินชุดอื่นในกลุ่ม 4)สำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 1 จัดทำโครงการศึกษาร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 4 และ 9 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตดังกล่าว |
3 | 1)การระบายน้ำของดินเลวและมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน
4-5 เดือน ในรอบปี
ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่
พืชผักและไม้ผล 2)ดินเหนียวจัดและมีโครงสร้างแน่นทึบ 3)ดินบางชุดในกลุ่มมีปริมาณเกลือเป็นองค์ประกอบอยู่สูง เป็นข้อจำกัดต่อการปลูกพืชไร่ พืชผักและไม้ผล 4)ข้อมูลการศึกษาและทดลองเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อการปลูกพืชมีอยู่ในระดับมาก |
1)ศึกษาเน้นด้านการปรับปรุงสภาพการระบายน้ำของดิน
การป้องกันน้ำท่วมและการเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ประโยชน์จากนาข้าวเป็นพื้นที่ปลูกพืชไร่
พืชผัก และไม้ผลอย่างถาวร
โดยการยกร่องปลูก
และศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจด้วย 2)ศึกษาด้านการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดิน โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในรูปต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมต่อการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล 3)ศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบไร่นาสวนผสม เพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมแต่ละพื้นที่ 4)ศึกษาผลตอบสนองต่อการจัดการดินชุดสมุทรปราการเปรียบเทียบกับดินชุดอื่น ๆ ในกลุ่ม เพราะเป็นชุดดินที่มีเกลือเป็นองค์ประกอบอยู่สูงกว่าดินชุดอื่น ๆ 5)สำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 1 และ 2 ดำเนินการ |
4 | 1)น้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนและดินมีการระบายน้ำค่อนข้างเลว 2)ดินขาดธาตุอาหารพืชที่จะเป็นบางอย่างเช่น ธาตุไนโตรเจน และฟอสฟอรัส 3)คุณสมบัติทางกายภาพของดินบางชุดไม่ค่อยเหมาะสมในการปลูกพืชไร่และพืชผักหลักการเก็บเกี่ยวข้าวหรือปลูกช่วงฤดูแล้ง 4)ข้อมูลการศึกษา วิจัย หรือทดลองเกี่ยวกับการจัดการดินของดินชุดท่าพลและบางมูลนาค ยังมีน้อย ส่วนดินชุดอื่นในกลุ่มค่อนข้างมาก |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการใช้ประโยชน์ดินหลังการเก็บเกี่ยวข้อง
การจัดระบบปลูกพืชอายุสั้นที่มีพืชตระกูลถั่วหรือพืชบำรุงดินแทรกอยู่ในระบบการปลูกพืช 2)การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการตอบสนองของพืชต่อการใช้ปุ๋ย สูตร และอัตราการใช้ที่เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิดในท้องถิ่น 3)การศึกษาเกี่ยวกับการรักษาความชื้นในดินสำหรับการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งด้วยวิธีต่าง ๆ 4)สำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 8,9 และ10 เป็นผู้ดำเนินการ |
5 | 1)ดินมีการระบายน้ำเลว
และมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานในช่วงฤดูฝนไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่
พืชผัก และไม้ผล 2)ดินขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็นบางอย่าง เช่น ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส 3)ข้อมูลการศึกษา วิจัย หรือ การทดลองค่อนข้างมาก โดยเฉพาะดินชุดหางดงและพาน ที่พบในภาคเหนือส่วนดินชุดละงูยังมีน้อย |
1)ควรศึกษา
วิจัย
เกี่ยวกับการเปลี่ยนสภาพการใช้ประโยชน์จากนาข้าวในปัจจุบันเป็นพื้นที่ปลูกพืชไร่
พืชผัก หรือไม้ผลอย่างถาวร
พร้อมทั้งศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจ 2)ควรศึกษา วิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงสภาพการระบายน้ำของดินและปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านกายภาพ โดยวิธีการต่างๆ 3)ควรศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบไร่นาสวนผสม เพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมแต่ละท้องที่ 4)ควรศึกษาเปรียบเทียบผลการจัดการดินชุดละงูกับดินชุดหางดงและพาน ที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพราะพบในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน 5)สำนักงานพัฒนาที่ดินที่รับผิดชอบได้แก่ สพช.6,7,11และ 12 |
6 | 1)ดินมีการระบายน้ำเลว
และมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน 3-4
เดือนในรอบปี
ไม่เหมาะสมในการปลูก 2)ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 3)คุณสมบัติทางกายภาพไม่ค่อยเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ และพืชผัก 4)ข้อมูลการศึกษา วิจัย หรือการทดลองเกี่ยวกับการจัดการดินอยู่ในระดับปานกลาง |
1)การศึกษา
วิจัย
ควรเน้นด้านการจัดระบบการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งหรือหลังการเก็บเกี่ยวข้าว 2)ศึกษาด้านการใช้ประโยชน์แบบไร่นาสวนผสมของแต่ละภาคที่พบดินและศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจของแต่ละรูปแบบของไร่นาสวนผสม 3)ศึกษาการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินทั้งการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีโดยหาสูตรและอัตราที่เหมาะสมของแต่ละพืชและของแต่ละภาค 4)ศึกษาเปรียบเทียบผลตอบสนองต่อการจัดการดินที่ใช้วิธีเดียวกันของแต่ละภาคเนื่องจากกลุ่มชุดดินนี้พบในภาคต่าง ๆ ของประเทศที่มีภูมิอากาศค่อนข้างแตกต่างกันมาก 5)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 3,4,5,6,7,8,11,12 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตต่าง ๆ ที่กล่าว |
7 | 1)ดินมีสภาพการระบายน้ำค่อนข้างเลวและมีน้ำขังในข่วงฤดูฝน
3-4
เดือนไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่
พืชผัก และไม้ผล 2)ความอุดมสมบูรณ์ของดินบางชุดต่ำได้แก่ดินชุดท่าตูมและเดิมบาง 3)การจัดกลุ่มชุดดินยังมีความแตกต่างทางด้านแร่ดินเหนียวและความเก่าของตะกอนที่เป็นวัตถุต้นกำเนิดดิน |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการใช้ประโยชน์ดินหลังการเก็บเกี่ยวข้าวหรอฤดูแล้งดดยศึกษาการจัดระบบการปลูกพืช
2)การศึกษาวิจัยด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบไร่นาสวนผสม หารูปแบบที่เหมาะสมสำหรับแต่ละภาคที่พบดิน พร้อมทั้งศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจ 3)การศึกษาวิจัยเพื่อเปรียบเทียบผลตอบสนองต่อการจัดการดินอย่างเดียวกันของชุดดินเดิมบางและท่าตูมกับชุดดินอื่นที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน 4)การศึกษาวิจัยด้านการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยเฉพาะดินชุดท่าตูมและเดิมบาง 5)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช.4,8,11และ12 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินดังกล่าว |
8 | 1)ดินมีการระบายน้ำเลว
และมีน้ำทะเลเข้าท่วมถึงเป็นครั้งคราว 2)ดินบางชุดในกลุ่มมีปริมาณเกลือเป็นองค์ประกอบอยู่สูง 3)ดินบางชุดมีคุณสมบัติทางกายภาพไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล 4)ข้อมูลการศึกษาวิจัยหรือการทดลองเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มชุดดินสำหรับปลูกพืชมีค่อนข้างมาก |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือวัสดุปรับปรุงดินควบคู่ไปกับการชะล้างเกลือด้วยน้ำฝน
หรือน้ำชลประทานโดยเฉพาะดินชุดสมุทรสงครามและดำเนินสะดวก 2)การศึกษาเรื่องระดับน้ำในร่องสวนที่เหมาะสมกับการปลูกพืชหลักชนิดต่าง ๆ 3)การศึกษาวิจัยพืชทนเค็มที่สามารถปลูกได้ในดินชุดสมุทรสงครามและศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจด้วย 4)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 10 และ1 |
9 | 1)ดินมีการระบายน้ำเลวและน้ำท่วมขังเป็นเวลา
4-5 เดือน ในรอบปี
ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่
พืชผัก และไม้ผล 2)ดินเค็มและเป็นกรดจัด 3)คุณสมบัติทางกายภาพของดินไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่และพืชผัก 4)ข้อมูลการศึกษาวิจัยหรือทดลองเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อปลูกยังมีน้อยมาก |
1)การศึกษาวิจัย
ควรเน้นด้านการใช้ประโยชน์แบบไร่นาสวนผสมและการเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นปลูกไม้ผลทนเค็ม
หรือไม้โตเร็วและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
รวมทั้งการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์โดยการยกร่องปลูกแบบถาวร 2)ศึกษาวิจัยด้านการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือวัสดุปรับปรุงดิน พร้อมกับการชะล้างเกลือออกจากดินด้วยน้ำฝนหรือน้ำชลประทาน 3)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช.10 และ 2 |
10 | 1)ดินเปรี้ยวจัดและมีธาตุอาหารพืชบางอย่างเป็นพิษ 2)ดินระบายน้ำเลวถึงเลวมากและมีน้ำขังเป็นเวลา 4-6 เดือนในช่วงฤดูฝน ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผลหรือไม้ยืนต้น 3)คุณสมบัติทางกายภาพไม่ค่อยเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ และพืชผัก 4)ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเพื่อปลูกมีค่อนข้างมาก จะมีน้อยก็เฉพาะดินชุดมูโน๊ะและเชียรใหญ่ |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวปัจจุบันเป็นการปลูกไม้ผล
พืชผัก
พืชไร่หรือปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์
โดยการยกร่องปลูกอย่างถาวร 2)การศึกษาหารูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบไร่นาสวนผสม พร้อมทั้งการศึกษาผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจ 3)การศึกษาด้านการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพเพื่อให้เหมาะสมในการปลูกพืชไร่และพืชผัก โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือวัสดุปรับปรุงดิน 4)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 1 และ 12 |
11 | 1)สภาพของปัญหาเช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินที่
10 2)ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อปลูกพืชมีมากในดินชุดรังสิตและธัญญบุรี ส่วนดินชุดดินเมืองและเสนายังมีน้อย |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นเช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินที่
10 2)ควรศึกษาวิจัยเปรียบเทียบผลตอบสนองต่อการจัดการดินอย่างเดียวกันของดินชุดดอนเมืองกับดินชุดอื่นในกลุ่มเพราะดินชุดดอนเมืองมีความแตกต่างในด้านชั้นอนุภาคดินกับดินชุดอื่นในกลุ่ม 3)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 1 และ 2 |
12,13 | 1)ดินเหนียวและมีความเค็มสูงมาก 2)สภาพการระบายน้ำเลวมากและน้ำทะเลขึ้นท่วมถึงเป็นประจำ 3)ดินมีสภาพไม่อยู่ตัว 4)ข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินมีในระดับปานกลาง |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการลดระดับความเค็มของดินและระดับน้ำใต้ดิน 2)การศึกษาและวิจัยหาพันธุ์พืชทนเค็มที่เหมาะสมมาปลูก 3)การศึกษาวิจัยการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินเพื่อช่วยเร่งในการชะล้างเกลือออกไปจากดินทั้งโดยอาศัยน้ำฝนและชลประทาน 4)การศึกษาทางเลือกในการใช้ประโยชน์ที่ดินทั้งการใช้เพาะปลูกและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 5)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 1,2,10,11 และ 12 หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตดังกล่าว |
14 | 1)ดินเป็นกรดจัดและมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 2)ดินมีสภาพการระบายน้ำเลวและมีน้ำท่วมขังทำให้พืชที่ปลูกเสียหาย 3)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อปลูกพืชยังมีน้อย |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากนาข้าวหรือที่ว่างเปล่าเป็นการใช้ที่ดินแบบไร่นาสวนผสม 2)การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงสภาพการระบายน้ำของดินและป้องกันน้ำท่วมโดยเฉพาะการทำคันรอบพื้น(polder)และการยกร่องปลูก 3)การศึกษาและวิจัยด้านการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และการแก้ความเป็นกรดจัดของดิน เน้นด้านสูตร และอัตราการใช้ปุ๋ยเคมีสำหรับพืชแต่ละชนิดที่ปลูก 4)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 12 และ 11 |
15,16 | 1)ดินมีสภาพการระบายน้ำค่อนข้างเลว
และมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน 3-5
เดือนไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่
พืชผัก และไม้ผลหรือไม้ยืนต้น 2)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดิน เพื่อการปลูกพืชยังมีน้อยสำหรับดินบางชุดในกลุ่มที่มีมากได้แก่ดินชุดแม่สาย น่าน และลำปาง |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการจัดระบบการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งการรักษาความชื้นในดิน
การรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินรวมทั้งการศึกษาเกี่ยวกับทางเลือกในการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นการปลูกพืชไร่
พืชผักหรือไม้ผลถาวร
หรือการทำไร่นาสวมผสม 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต ที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 6,7 และ 8 |
17,18 | 1)ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 2)ดินมีคุณสมบัติทางด้านกายภาพไม่ค่อยดี เนื่องจากเนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย 3)ดินมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนนาน 3-4 เดือน จึงไม่เหมาะในการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล 4)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อการปลูกพืชสำหรับดินชุดต่าง ๆ ยังมีน้อย ยกเว้นดินชุดร้อยเอ็ดค่อนข้างมีมาก |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นเช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินที่
15 และ 16 ที่ได้กล่าวมาแล้ว 2)ควรจัดทำโครงการศึกษาผลตอบสนองต่อการจัดการดินอย่างเดียวกันสำหรับชุดดินในกลุ่มที่พบในภาคต่างๆ กัน เพื่อให้การสรุปผลการศึกษาวิจัยมีความชัดเจน 3)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบ การศึกษาวิจัยกลุ่มชุดดินที่ 17 ได้แก่ สพช. 1,2,3,5,6,8,9,10,11 และ 12 ที่พบดินกลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่ หรือกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตต่าง ๆ ที่กล่าวสำนักงานพัฒนาที่ดิน 1,2 และ 11 รับผิดชอบการศึกษาวิจัย กลุ่มชุดดินที่ 18 |
19 | 1)เนื้อดินเป็นทรายจัด
มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
และในช่วงฤดูแล้งดินจะแห้งจัดในบางพื้นที่
โดยเฉพาะดินชุดวิเชียรบุรี 2)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อปลูกพืชมีน้อยมาก |
1)การศึกษาวิจัย
ควรเน้นด้านการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน
การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีการรักษาความชื้นในดินด้วยมาตรการต่าง
ๆ
รวมทั้งศึกษาด้านทางเลือกในการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยเฉพาะการพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ 2)ศึกษาเปรียบเทียบผลการตอบสนองต่อการจัดการดินอย่างเดียวกันของดินชุดมะขามและชุดวิเชียรบุรี ที่จัดอยู่ในกลุ่มชุดดินเดียวกัน 3)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช.2 และ 8 |
20 | 1)ดินมีความเค็มสูงถึงสูงมาก 2)ดินมีสภาพการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลวและมีน้ำท่วมขังนาน 3-4 เดือนในช่วงฤดูฝน 3)ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและเนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย 4)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยมีระดับปานกลาง แต่มีน้อยในดินชุดหนองแก |
1)
การศึกษาวิจัยควรเน้นการชะล้างเกลือด้วยวิธีธรรมชาติหรือน้ำฝน
การปรับปรุงดินให้ร่วนซุย
การคัดเลือกพันธุ์พืชทนเค็มตลอดทั้งศึกษาทางเลือกในการใช้ประโยชน์นอกเหนือจากใช้ทำนาหรือปลูกข้าว 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช.3,4,5 และ10 |
21,22 | 1)ดินมีการระบายน้ำค่อนข้างเลวและมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน 2)ดินมีธาตุอาหารที่จำเป็นบางอย่างไม่เพียงพอ 3)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อการปลูกพืชมีในระดับปานกลาง |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการจัดระบบการปลูกพืชหลังการเก็บเกี่ยวข้าวการเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นการปลูกพืชไร่
พืชผัก
หรือไม้ผลอย่างถาวรการรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินและการรักษาความชื้นของดินด้วยวิธีการต่าง
ๆ 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 1,9 และ10 สำหรับกลุ่มชุดดินที่ 21 และสพช. 3,6,7 และ 9 สำหรับกลุ่มชุดดินที่ 22 |
23 | 1)เนื้อดินเป็นทรายจัดและมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 2)น้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนเป็นอุปสรรคต่อการปลูกพืชไร่ พืชผักและไม้ผล 3)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อปลูกพืชยังมีน้อย |
1)การศึกษาวิจัย
ควรเน้นด้านการเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้น
โดยการทำคันรอบพื้นที่ป้องกันน้ำท่วมและยกร่องปลูกอย่างถาวรโดยเฉพาะ
ปลูกมะพร้าว ปาล์มน้ำมัน
การเพิ่มอินทรีย์วัตถุแก่ดินและการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 11,12 และ 2 |
24 | 1)เนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายจัดและมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 2)ดินมีน้ำขังแฉะในช่วงฤดูฝนเป็นอุปสรรคต่อการปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล 3)ในฤดูแล้งดินแห้งมาก 4)ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดดินค่อนข้างมาก ยกเว้น ดินชุดท่าอุเทน |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุ
การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์
(สูตร
อัตราปุ๋ยที่เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด)
การรักษาความชื้นในดิน
โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
การศึกษาการจัดระบบการปลูกพืชที่มีพืชบำรุงดินแทรกอยู่ด้วย
การเปลี่ยนสภาพการใช้ประโยชน์จากนาข้าวเป็นการพัฒนาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และการปลูกพืชไร่บางชนิดรวมทั้งไม้ยืนต้นโตเร็ว 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 2 และ 4 |
25 | 1)ดินตื้นและค่อนข้างเป็นทรายในดินชั้นบน 2)ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 3)ดินมีการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลวและน้ำท่วมขังเป็นเวลานานในช่วงฤดูฝนประมาณ 3-4 เดือน เป็นอุปสรรคต่อการปลูกพืชไร่ พืชผักและไม้ยืนต้น 4) ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินเพื่อปลูกพืชยังมีน้อยหรือไม่มีเลยสำหรับดินบางชุดในกลุ่ม |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการเปลี่ยนสภาพการใช้ประโยชน์จากนาข้าวในปัจจุบันเป็นการใช้ประโยชน์อย่างอื่นเช่น
ปลูกพืชไร่ พืชผัก
หรือไม้ยืนต้นโตเร็วการศึกษาการจัดระบบการปลูกพืชที่เหมาะสมในช่วงฤดูแล้ง
การรักษาความชื้นในดินการเพิ่มอินทรีย์วัตถุและการปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินและการเตรียมหลุมปลูกไม้ยืนต้นที่เหมาะสม 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 5,11 และ 12 |
57,58 | 1)พื้นที่ลุ่มน้ำขัง 2)การยุดตัวของดิน 3)ดินเป็นกรดจัดเมื่ออยู่ในสภาพแห้งแล้ง 4)ดินขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็นเนื่องจากความไม่สมดุลโดยเฉพาะจุลธาตุ 5)ข้อมูลการศึกษาวิจัยมีในระดับปานกลาง |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นด้านการศึกษาระดับน้ำใต้ดินที่เหมาะสมที่ไม่ให้ดินยุบตัวและกลายสภาพเป็นกรดจัดเมื่อระบายน้ำออก
การศึกษาหาสูตร
และอัตราการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับพืชที่ปลูก
การศึกษาเพื่อคัดเลือกพันธุ์พืชหรือชนิดของพืชมาปลูกและการศึกษา
เรื่องการขาดจุลธาตุในดิน 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบ ได้แก่ สพช. 12 และ 11 |
59 | 1)ดินมีสภาพการระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลวและน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนเป็นเวลา
3-4 เดือน ในรอบปี
เป็นอุปสรรคต่อการปลูกพืชไร่
พืชผักและไม้ผล 2)ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำในบางพื้นที่ 3)ข้อมูลการศึกษาวิจัยยังมีน้อย |
1)การศึกษาวิจัยควรเน้นการจัดระบบการปลูกพืชหลังการเก็บเกี่ยวข้าวหรือช่วงฤดูแล้งการเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นไม้ผลยืนต้น
พืชไร่
หรือพืชผักการปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านกายภาพและเคมีของดิน 2)สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่รับผิดชอบได้แก่ สพช. 2,3 และ 9 |
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
1. ในการจัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มชุดดินเพื่อการปลูกพืช ควรจะได้มีการศึกษา สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับแปลงทดลองให้ละเอียดพอ (site characterization) เนื่องจากดินในกลุ่มชุดดินเดียวกับบางกลุ่มมีความแตกต่างกันในสภาพภูมิอากาศ วัตถุต้นกำเนิดดิน การใช้ประโยชน์และอื่น ๆ ดังนั้นการตอบสนองต่อการจัดการอย่างเดียวกันอาจมีความแตกต่างกัน ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการให้เหตุผลของผลของผลการทดลองหรือวิจัยที่ออกมา
2. ในการจัดทำโครงการวิจัยของกลุ่มชุดดินแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มชุดดินที่ประกอบด้วยชุดดินที่พบในภาคต่าง ๆ ควรจะได้มีแปลงทดลองหรือวิจัยให้ครบทุกภาคในการทดลองเดียวกัน เพื่อจะได้นำผลมาสรุปเปรียบเทียบถึงผลที่ออกมาเหมือนกันหรือแตกต่างกัน ในการจัดทำโครงการวิจัยสำหรับกลุ่มดินประเภทนี้ ควรให้นักวิชาการกองอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่พบดินชุดต่าง ๆ ในกลุ่มวางโครงการวิจัย เป็นผู้ประสานงานและสรุปเปรียบเทียบผลการทดลองดังกล่าว
3. ในกลุ่มชุดดินเดียวกันที่ประกอบด้วยชุดดินต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างกันในด้านการจำแนกระดับวงศ์ (soil family) ควรจัดทำโครงการวิจัย เปรียบเทียบผลตอบสนองต่อการจัดการดินอย่างเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลการทดลองหรือวิจัยครอบคลุมของทุกชุดดินได้จะเป็นประโยชน์ต่อการให้ข้อเสนอแนะในการจัดการดินเพื่อการปลูกพืชต่าง ๆ
4. ในการจัดทำโครงการวิจัยในอนาคตสำหรับกลุ่มชุดดินแต่ละกลุ่ม นักวิชาการของกรมพัฒนาที่ดินควรพิจารณาถึงระดับข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย เพราะการดำเนินงานวิจัยในอดีตบางชุดดินในกลุ่มเดียวกันได้มีการวิจัยมากหรือค่อนข้างมาก บางชุดดินไม่มีผลการศึกษาวิจัยเลยหรือมีน้อย ถ้าเป็นไปได้ควรจะได้ร่างโครงการวิจัยให้ครองคลุมชุดดินมากที่สุด โดยเฉพาะชุดดินที่มีการใช้ประโยชน์ทางการเพาะปลูกหรือทางการเกษตรมาก
5. เพื่อให้ข้อเสนอแนะข้อที่ 4 บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย กรมพัฒนาที่ดินควรมีการสรุปผลการศึกษาวิจัยที่ดำเนินการในอดีตสำหรับกลุ่มชุดดินแต่ละกลุ่ม เพื่อหาข้อสรุปการจัดการดินแต่ละเพื่อและเพื่อให้ทราบว่าปัญหาใดบ้างที่ยังไม่ได้มีการศึกษาวิจัย จะได้ร่างโครงการศึกษาวิจัยต่อไปในอนาคต
6. การกำหนดแปลงทดลองหรือการวิจัยแต่ละแห่งควรจะได้ทำการจำแนกดินในระดับชุดดิน (soil series) และระดับวงศ์ (soil family) ตามการจำแนกดินในระบบอนุกรมวิธานดิน (Soil Taxonomy) เพื่อประโยชน์ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลการศึกษาวิจัยระหว่างพื้นที่และระหว่างประเทศ
7. ในปัจจุบันข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการดินของกรมพัฒนาที่ดินมีค่อนข้างมาก แต่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ เพราะขาดระบบการจัดเก็บและการบริหารข้อมูลที่ดีพอ การให้ข้อเสนอแนะแก่เกษตรกรยังเป็นรูปแบบที่กว้างเกินไป ยังขาดข้อมูลจัดการดินสำหรับพืชเฉพาะอย่างและแต่ละชนิดของดินในสภาพพื้นที่เฉพาะแห่ง