6. การจัดการกลุ่มชุดดินที่ 32 เพื่อให้เหมาะสมในการปลูกพืช

    ในการจัดการกลุ่มชุดดินที่ 32 ให้เหมาะสมกับการปลูกพืชนั้น จะต้องพิจารณาข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว พิจารณาร่วมกับการจัดระบบการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของดิน ซึ่งพอกล่าวสรุปได้ ดังนี้

        6.1 การเลือกพืชที่นำมาปลูกให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่และศักยภาพของดิน ซึ่งดินกลุ่มนี้มีศักยภาพเหมาะสมในการทำสวนผลไม้ กาแฟ พืชผักและยางพาราและสามารถปลูกพืชไร่อายุสั้น เช่น ถั่วเขียว ข้าวโพด สับปะรดและพืชผักต่าง ๆ นอกจากนี้ควรจะได้พิจารณาการนำพืชบำรุงดินมาปลูกสลับ เพื่อช่วยในการปรับปรุงและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน

        6.2 การจัดการเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ควรจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอตลอดฤดูการเพาะปลูก

        6.3 การจัดการเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านกายภาพของดินให้มีความร่วนซุย เหมาะต่อการปลูกพืชไร่และพืชผัก โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุปรับปรุงดิน เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเปลือกถั่วลิสง ขี้เลื่อย ฯลฯ อัตรา 1.5-2.0 ต้นต่อไร่ ใส่คลุกเคล้าลงไปในดิน หรือการปลูกพืชตระกูลถั่ว ได้แก่ ปอเทืองหรือโสนอัฟริกัน แล้วไถกลบเมื่อออกดอกเป็นปุ๋ยพืชสด เมื่อสลายตัวดีแล้วจะช่วยทำให้ดินร่วนซุยขึ้น

        6.4 การจัดการเพื่อรักษาและปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน ซึ่งสามารถทำได้หลาย วิธี ดังนี้

            6.4.1 การจัดระบบการปลูกพืชหมุนเวียนที่มีพืชตระกูลถั่วสอดแทรกอยู่ในระบบการปลูกพืชหลัก จะช่วยรักษาและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ไห้แก่ดิน ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตของพืชหลักอีกด้วย

            6.4.2 การปลูกพืชปุ๋ยสดแล้วไถกลบลงไปในดิน เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านกายภาพและความอุดมสมบูรณ์ของดิน ปุ๋ยพืชสดที่แนะนำได้แก่พืชตระกูลถั่ว เช่นปอเทือง โสนอัฟริกัน และถั่วต่าง ๆ โดยปลูกก่อนปลูกข้าว 2-3 เดือน แล้วไถกลบเมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก เป็นวิธีปรับปรุงดินที่ช่วยทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นและยังช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินให้คงอยู่ตลอดไป

            6.4.3 การใช้ปุ๋ยปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินและเพิ่มผลผลิตพืชที่ปลูกสำหรับกลุ่มชุดดินที่ 32 จำเป็นต้องใช้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับสูตร อัตราและวิธีการใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่ปลูก ซึ่งสรุปไว้ในตารางที่ 3

   

 

back.gif (2807 bytes)forward.gif (2807 bytes)