7. ข้อเสนอแนะการใช้ประโยชน์กลุ่มชุดดินที่ 32 เพื่อการเกษตร
กลุ่มชุดดินที 32 มีศักยภาพเหมาะสมที่จะใช้ทำสวนผลไม้ กาแฟ ยางพารา พืชไร่อายุสั้นและพืชผัก ในช่วงฤดูแล้ง เมื่อดินยังมีความชื้นเพียงพอ หรือมีแหล่งน้ำธรรมชาติช่วยเสริมแต่เพื่อให้การใช้ที่ดินมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ควรจัดระบบการใช้ที่ดิน แบบไร่นาสวนผสม โดยแบ่งการใช้ที่ดินออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
7.1 บริเวณที่ใช้ในการปลูกพืชไร่อายุสั้น ไม้ดอกหรือพืชผักต่าง ๆ
7.2 บริเวณที่ใช้ปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
7.3 บริเวณที่พัฒนาแหล่งน้ำ ควรเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างพื้นที่ที่ใช้ปลูกพืชไร่ ไม้ผลและพืชผักต่าง ๆ พื้นที่ส่วนนี้จะไม่ลุ่มและดอนจนเกินไป ขนาดของแหล่งน้ำที่จะพัฒนานั้นควรเป็นขนาดแหล่งน้ำประจำไร่นา คือ มีความจุประมาณ 1,250 ม3 จะมีจำนวนกี่แห่งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ประโยชน์ และแหล่งน้ำที่พัฒนาขึ้นมานี้ ควรจะมีการเลี้ยงปลาที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว และเป็นที่ต้องการของตลาดและอื่น ๆ สำหรับบริเวณคันดินรอบบ่อหรือสระน้ำที่พัฒนาขึ้นควรใช้เป็นที่ปลูกไม้ผล เช่น มะม่วง ขนุน กล้วย ฯลฯ และไม้ดอกและไม้ประดับต่าง ๆ เพื่อให้เกิดรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ บริเวณคันดินรอบบ่อควรมีการปลูกหญ้า เช่น หญ้าแฝกทั้งด้านในและด้านนอกเพื่อป้องกันการกัดเซาะดินบริเวณคันดินรอบบ่อด้วย
7.4 บริเวณที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ควรใช้บริเวณพื้นที่ที่พัฒนาเป็นแหล่งน้ำที่มีการเลี้ยงปลาด้วย โดยสร้างเป็นโรงเรือนขึ้นมาแล้วมีการเลี้ยงไก่ หมูและเป็ด ให้ถ่ายมูลลงไปในบ่อน้ำเพื่อเป็นอาหารของปลาซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนอาหารปลาได้ส่วนหนึ่ง
7.5 บริเวณที่อยู่อาศัย ควรเป็นบริเวณพื้นที่สูงสุดของที่มีการเกษตรกรถือครอง
สำรับอัตราส่วนการใช้ที่ดินประเภทต่าง ๆ ที่กล่าว จะขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ละแห่ง ความต้องการของเกษตรกรผู้ถือครองที่ดินและสภาพเศรษฐกิจ ได้แก่ ความต้องการของตลาดทั้งในท้องถิ่นและนอกท้องถิ่น สำหรับผลิตผลทางการเกษตรที่กล่าว อย่างไรก็ตาม ควรจะได้ยึดตามแนวทฤษฎีใหม่ในการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชดำริให้กันพื้นที่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ที่ถือครอง เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ