8. สรุป

         กลุ่มชุดดินที่ 32 ประกอบด้วยชุดดินลำแก่น ชุดดินรือเสาะ ชุดดินตาขุน พบบริเวณสันดินริมน้ำ (levee) หรือสันดินริมน้ำเก่า (old levee) มีสภาพพื้นที่ราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย ความลาดชัน 0-4 เปอร์เซ็นต์ เป็นดินลึกมาก มีลักษณะเนื้อดินละเอียดปานกลางคือดินร่วนหรือร่วนเหนียวปนทรายแป้งถึงดินเหนียวปนทรายแป้ง มีสีน้ำตาล น้ำตาลปนเทาหรือน้ำตาลปนเหลือง อาจมีจุดประสีเหลืองหรือไมก้าตลอดทุกชั้นดิน สภาพการระบายน้ำดี การไหลบ่า ของน้ำบนผิวดินปานกลางถึงเร็ว น้ำซึมผ่านได้ปานกลางถึงเร็ว ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัด ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 4.5-5.0 ในดินบนและเป็นกรดจัดเป็นกรดปานกลางในดินล่าง ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 4.5-6.0 ในดินล่าง ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลางถึงต่ำ ใช้ประโยชน์ในการทำสวนผลไม้ กาแฟ พืชผักและยางพารา

        ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดินกลุ่มนี้ในการปลูกพืช ได้แก่ ดินมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำและอาจขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูกในบางช่วงเวลา

        การจัดการดินเพื่อให้เหมาะสมในการปลูกพืชต่าง ๆ ได้กล่าวสรุปไว้ในตารางที่ 3

    ตารางที่ 3 : สรุปการจัดการกลุ่มชุดดินที่ 32 เพื่อให้เหมาะสมในการปลูกพืชแต่ละชนิด

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

1. พืชไร่

 


1.1 ถั่วเขียว พันธุ์ที่แนะ นำอู่ทอง 1,2 พิษณุโลก 2 กำแพงแสน 1,2ชัยนาท 60,36 และ มอ.1

1.2 ข้าวโพด พันธุ์ที่แนะนำ

1. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์สุวรรณ 1

2. ข้าวโพดหวาน พันธุ์ซูเปอร์สวีท ดีเอ็มอาร์

3. ข้าวโพดฝักอ่อน พันธรังสิต 1 สุวรรณ 2

1.3 สับปะรด พันธุ์ที่แนะนำ ปัตตาเวีย ภูเก็ต อินทรชิต

-ดินขาดธาตุอาหารพืชบางอย่าง

 

 

 


-ดินเป็นกรดมีค่า pH ต่ำกว่า 5.5

- แก้ไขโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตัน/ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากับดินก่อนปลูก 7-14 วัน

- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร อัตราและวิธีการใส่ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช ดังนี้

- ใส่ปุ๋ย 12-24-12 อัตรา 20-30 ตัน/ไร่ หรือ 16-20-0 อัตรา 20-25 ตัน/ไร่ โดยเปิดร่องให้ลึก 6-8 นิ้ว โดยใส่รองก้นหลุมหรือโรยสองข้างแถวปลูกแล้วพรวนดินกลบ

- ใส่ปูนขาวหรือร็อคฟอสเฟต อัตรา 100-200 กก./ไร่/ทุก ๆ 2-4 ปี

- ใส่ปุ๋ย 20-20-0 หรือ 16-20-0 อัตรา 25-50 กก./ไร่ ใส่รองก้นหลุมพร้อมปลูกหรือโรยข้างแถว ข้าวโพดเมื่ออายุ 15-30 วัน แล้วพรวนดินกลบ

 

 

 

 

 

- ปุ๋ยรองพื้นสูตร 16-20-0 หลุมละ 10-15 กรัม

- ปุ๋ยเร่งใส่ที่กาบใบใช้ 14-0-16 ต้นละ 30 กรัม หรือปุ๋ยสูตร 15-15-15, 12-12-17 ใส่ 2-3 ครั้ง

- ปุ๋ยเร่งใช้ฉีดทางใบสูตร 23-0-25 ผสมกับโพแทสเซียมซัลเฟต อัตรา 1:1 โดยการผสมความเข้มข้น 5% ต้นละ 75 ซีซี ใช้ก่อนจะมีการบังคับผล

    ตารางที่ 3 (ต่อ)

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

3. พืชผักต่าง ๆ

 

 

ผักรับประทานใบและลำต้นได้แก่ คะน้า ผักกาดขาวปลี ผักกาดเขียวปลี
กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก
บร็อคโคลี่ ผักกาดหัว

- คุณสมบัติทางกายภาพดินไม่ค่อยดี


- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ

- การแก้ไขให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ต้น/ไร่ หว่านให้ทั่วแปลงแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากับดินขณะเตรียมดินปลูก

- แก้ไขโดยการใช้ปุ๋ยเคมีสำหรับสูตรอัตราและวิธีการใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของผักที่ปลูก ดังนี้

- ใช้ปุ๋ย 20-10-10 อัตราต่ำ 50 กก./ไร่ อัตราสูง 60 กก./ไร่ แบ่งปุ๋ยออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน ครั้งแรกใส่หลังจากย้ายกล้าได้ 7 วัน ครั้งที่ 2 ใส่หลังจากใส่ครั้งแรก 20-25 วัน ใส่สองข้างแถวแล้วพรวนดินกลบ กรณีที่ปลูกโดยหว่านเมล็ด ให้ใส่ปุ๋ยครั้งเดียวหลังจากถอนแยกแล้ว หรือหลังจากแตกใบจริงแล้ว 2-3 ใบ โดยหว่านให้ทั่วแปลง แล้วรดน้ำให้ชุ่มอย่าให้ปุ๋ยตกค้างอยู่บนใบพืช

4. ไม้ผล


4.1 ทุเรียน พันธุ์ที่แนะนำ ชะนี ก้านยาว หมอนทอง กระดุมทอง

- ดินมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ - ปรับปรุงแก้ไขโดยการใช้ปุ๋ยเคมี สูตร อัตรา และวิธีการใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่ปลูก

ปีที่ 1 ใส่ปุ๋ยและทำโคน 4 ครั้ง

- ครั้งที่ 1-3 ใส่ปุ๋ยคอก 5 กก./ต้น

- ครั้งที่ 4 ใส่ปุ๋ยคอก 5 กก./ต้น และปุ๋ยเคมี 15-15-15 ,16-16-16 อัตรา 150-200 กรัม/ต้น ปีต่อ ๆ ไป ในระยะที่ทุเรียนยังไม่ให้ผลผลิต ใส่ปุ๋ยและทำโคน 2 ครั้ง ต้นและปลายฤดูฝน

- ครั้งที่ 1 ต้นฝน ใส่ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 0.5-3.0 กก./ต้น

- ครั้งที่ 2 ปลายฝน ใส่ปุ๋ยคอก 15-50 กก./ต้น ใส่ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 0.5-3.0 กก./ต้น

- ปริมาณปุ๋ยเคมีที่ใส่ในแต่ละครั้ง ขึ้นกับขนาดของทรงพุ่ม ยึดหลักว่าวัดจากโคนต้นมายังพุ่มเป็นเมตรได้เท่าไร คือจำนวนปุ๋ยเคมีที่ใส่เป็นกิโลกรัมช่วงให้ผลผลิตแล้ว

- หลังตัดแต่งกิ่งให้กำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยทันที

-ปุ๋ยคอก 15-50 กก./ต้น ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 3-5 กก./ต้น

- ในช่วงปลายฤดูฝน เมื่อฝนทิ้งช่วงให้ใส่ปุ๋ย 8-24-24 , 9-24-24 หรือ 12-24-12 2-3 กก./ต้น เพื่อช่วยในการออกดอกช่วงติดผลแล้ว

- หลังจากติดผลแล้ว 5-6 สัปดาห์ ใส่ปุ๋ย 12-12-17-2 หรือ 13-13-21 หรือ 4-16-24-4 ประมาณ ต้นละ 2-4 กก. เพื่อเร่งการเจริญของผล

- หลังจากติดผลแล้ว 7-8 สัปดาห์ ใส่ปุ๋ย 0-0-50 ประมาณ 1-2 กก. เพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อและเพิ่มความเข้มของสีเนื้อ

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

4.2 เงาะ พันธุ์ที่แนะนำ โรงเรียน สีชมพู

 


4.3 มังคุด

    ใช้ปุ๋ย 8-24-24 อัตราต่ำ 2 กก./ต้น/ครั้ง อัตราสูง 5 กก./ต้น/ครั้ง หลังจากเก็บผลผลิตและตัดแต่งกิ่งแล้วประมาณเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม ใช้ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 2-5 กก./ต้น และเดือน กันยายนใช้ปุ๋ย 8-24-24 อัตรา 2-5 กก./ต้น เมื่อเงาะเริ่มออกดอกใช้ปุ๋ยสูตร 14-14-21 อัตรา 2-5 กก./ต้น และใส่อีกครั้งหนึ่งเมื่อเงาะติดผลขนาดเล็ก

  มังคุดที่ยังไม่ให้ผล ใส่ปุ๋ย 15-15-15,16-16-16 ในต้นมังคุดอายุ 1-2 ปี อัตรา 0.5-1.0 กก./ต้น และเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5 กก./ต้น/ปี โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ในตอนต้นและปลายฤดูฝน

มังคุดที่ให้ผลแล้ว

1. ใส่ปุ๋ยหลังเก็บผลเสร็จแล้ว ใส่ปุ๋ย 15-15-15 , 16-16-16 ต้นละ 2-3 กก.

2. ใส่ปุ๋ยก่อนการออกดอก ช่วงปลายฤดูฝนใช้ปุ๋ย 12-24-12 , 8-24-24 หรือ 9-24-24 ประมาณ 2-3 กก./ต้น

3. ใส่ปุ๋ยเมื่อติดผลแล้ว ใช้ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 ปริมาณ 1-2 กก./ต้น เมื่อผลมังคุดมีอายุประมาณ 4-5 สัปดาห์ หลังดอกบานใส่ปุ๋ย 12-12-17-2 หรือ 13-13-21 อัตรา 1-2 กก./ต้น

    ตารางที่ 3 (ต่อ)

ชนิดพืช

ปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน

วิธีการจัดการดิน

4.4 ลองกอง

 

 

 

 

 

 


4.5 ส้มเขียวหวาน

  ช่วงที่ 1 – ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 1-2 ปี๊บ/ต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมี 15-15-15 อัตราการใส่เป็นกิโลกรัมเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุต้นแบ่งใส่ 2 ครั้ง คือต้นและปลายฤดูฝน หลังย้ายปลูก 1-2 เดือน จะให้ปุ๋ยไนโตรเจน 100-150 กรัม/ต้น

ช่วงที่ 2 – เริ่มให้ผล ให้ปุ๋ยคอกทุก 4 เดือน ส่วนปุ๋ยเคมีจะให้ 4 ครั้ง เช่นลองกอง อายุ 8 ปี ให้ปุ๋ยดังนี้

1. หลังเก็บเกี่ยวและตัดแต่งกิ่งแล้วให้ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 2 กก./ต้น

2. เร่งการออกดอกให้ปุ๋ย 12-24-12 อัตรา 2 กก./ต้น

3. บำรุงช่อดอกให้ปุ๋ย 10-52-14 อัตรา 2 กก./ต้น

4. บำรุงผล ให้ปุ๋ย 13-13-21 อัตรา 2 กก./ต้น

- ระยะเริ่มปลูกจนอายุ 1 ปี ใส่ปุ๋ยคอกดอกต้นละ 10 กก. หลังปลูกประมาณ 1 เดือน หว่านปุ๋ยยูเรียต้นละ 1 ช้อนแกง (30 กรัม) ใช้ปุ๋ย 15-15-15 ต้นละ 100 กรัม 3 เดือน ต่อครั้ง ปุ๋ยคอกให้ 10-15 กก. ทุก 4 เดือน

- ระยะปีที่ 2-3 ควรใส่ปุ๋ยคอกทุก 4 เดือน อัตรา 10-15 กก. และปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 300-500 กรัม/ต้น ประมาณ 3 เดือน/ครั้ง

- ช่วงอายุ 3 ปีขึ้นไป ส้มจะเริ่มติดผลช่วงที่ผลใกล้แก่ควรให้ปุ๋ย 13-13-21 เพื่อช่วยให้ผลส้มมีคุณภาพดีขึ้น

    หมายเหตุ : สามารถใช้ปุ๋ยเคมีสูตรอื่นที่มีธาตุอาหารพืชเท่าเทียมกันได้ นอกเหนือจากสูตรที่แนะนำ

 

back.gif (2807 bytes)forward.gif (2807 bytes)