5. ปัญหาและข้อจำกัดของกลุ่มดินชุดที่ 35 ในการปลูกพืชในสภาพปัจจุบัน

        กลุ่มชุดดินที่ 35 ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชไร่อย่างกว้างขวาง ได้แก่มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย สับปะรด ข้าวฟ่าง ปอ งา และถั่วต่าง ๆ สำหรับไม้ผลที่นิยมปลูกกันมากได้แก่ ขนุน มะม่วง มะม่วงหิมพานต์ และนุ่นเป็นต้น นอกจากที่กล่าวแล้วในพื้นที่ที่มีฝนตกค่อนข้างชุก เช่นจังหวัดหนองคาย นครพนม ระยอง และชลบุรี ที่พบกลุ่มชุดดินนี้ได้กล่าวมีปัญหาและข้อจำกัดหลายอย่างกล่าวคือ

        5.1 ปัญหาการอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ จากผลของการวิเคราะห์ดินและการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินชุดต่าง ๆ ที่จัดอยู่ในกลุ่มดินนี้ พบว่ามีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ โดยเฉพาะอินทรีย์วัตถุในดิน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืชและความสามารถของดินในการแลกเปลี่ยนประจุบวก (C.E.C : cation exchange capacity) อยู่ในเกณฑ์ต่ำ

         5.2 ปัญหาคุณสมบัติทางกายภาพของดิน เนื่องจากดินกลุ่มนี้มีเนื้อดินค่อนข้างหยาบจึงทำให้ดินมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ เสี่ยงต่อการขาดแคลนความชื้นในดินในช่วงการเพาะปลูกที่ฝนทิ้งช่วง โดยเฉพาะในฤดูแล้งดินกลุ่มนี้จะแห้ง จนไม่สามารถปลูกพืชได้

         5.3 ปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน เนื่องจากกลุ่มดินนี้พบในพื้นที่มีความลาดเทตั้งแต่ 2-20 เปอร์เซ็นต์และลักษณะเนื้อดินค่อนข้างหยาบ จึงง่ายต่อการชะล้างพังทลายของหน้าดินเมื่อมีการเพาะปลูกพืชโดยไม่นำมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมมาปฏิบัติโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความลาดเทตั้งแต่ 5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป การชะล้างพังทลายของหน้าดินค่อนข้างรุนแรง

         5.4 ปัญหาด้านการขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกพืช เนื่องจากดินกลุ่มนี้เนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย ดินชั้นล่างมีความพรุนสูงและพบในสภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดถึงเป็นเนินเขา ดินมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ ในช่วงฤดูการเพาะปลูกพืชบางชนิดได้รับผลกระทบจากการที่ดินขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะในฤดูแล้งดินจะแห้งจัดจนไม่สามารถปลูกพืชได้ การพัฒนาแหล่งน้ำมีข้อจำกัดทั้งในด้านคุณสมบัติของดินและสภาพพื้นที่ที่ได้กล่าวแล้ว ในสภาพปัจจุบันกลุ่มชุดดินที่ 25 ไม่มีน้ำชลประทานเข้าถึงเนื่องจากพบในสภาพพื้นที่สูง

   


back.gif (2807 bytes)forward.gif (2807 bytes)