6. การจัดการกลุ่มชุดดินที่ 35 เพื่อให้เหมาะสมในการปลูกพืช

        ในการจัดการกลุ่มชุดดินนี้ให้เหมาะสมในการปลูกพืชนั้นจะต้องพิจารณาจากข้อจำกัดต่าง ๆ      ที่ได้กล่าวมาแล้วพิจารณาร่วมกับการจัดระบบการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของดิน ซึ่งขอจะกล่าวสรุปได้ดังนี้

        6.1 การเลือกชนิดของพืชให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และชนิดของดินเนื่องจากกลุ่มชุดดินที่ 35 พบบริเวณที่ดอน สภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดถึงเป็นเนินเขา ดินมีสภาพการระบายน้ำดี จึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการทำนาแต่มีศักยภาพเหมาะที่จะปลูกพืชไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ดอก ไม้ประดับ และพัฒนาเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันมีการปลูกพืชไร่อย่างกว้างขวางในช่วงฤดูฝน ฤดูแล้งไม่สามารถปลูกพืชไร่อายุสั้นได้ เนื่องจากดินแห้งจัด การพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นามักไม่ได้รับผลสำเร็จ เพราะดินค่อนข้างพรุนเก็บน้ำไม่อยู่ ถ้าจะพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กหรือแหล่งน้ำในไร่นา ควรพิจารณาจัดทำบริเวณชุดดินโคราช สตีก และดอนไร่ ซึ่งดินชั้นล่างสามารถเก็บกักน้ำได้ดีกว่าดินชุดอื่น ๆ ในกลุ่ม

         6.2 การจัดระบบการปลูกพืชให้เหมาะสม ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตของพืชที่ปลูกและเป็นในการรักษาความสามารถในการผลิตของดิน โดยมีการจัดระบบการปลูกพืชหมุนเวียนที่มีพืชตระกูลถั่วแทรกอยู่กับพืชอื่น การปลูกพืชตระกูลถั่วแซมอยู่ในแถวพืชหลัก(intercropping) การปลูกพืชปุ๋ยสดแล้วไถกลบลงดินก่อนการปลูกพืชหลัก ซึ่งระบบการปลูกพืชที่กล่าวนี้จะช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและมีความสามารถในการผลิตได้อย่างยั่งยืน

        6.3 การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน เนื่องจากกลุ่มชุดดินที่ 35 เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ จึงจำเป็นต้องมีการใช้ปุ๋ยทั้งปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี สำหรับปุ๋ยอินทรีย์อาจใส่ในรูปของปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยพืชสด อัตรา 1-3 ตันต่อไร่ ซึ่งปุ๋ยอินทรีย์เหล่านี้นอกจากช่วยเพิ่มแร่ธาตุอาหารพืชให้แก่ดินแล้วยังช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดิน และช่วยดูดซับปุ๋ยเคมีที่ใส่ลงไปในดินไม่ให้สูญเสียไปกับการซึมชะของดินทำให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้ปุ๋ยเคมีนั้นมีความจำเป็นต้องใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตของพืชที่ปลูก ส่วนสูตร อัตราและวิธีการใช้ปุ๋ยเคมีขึ้นอยู่กับชนิดของพืช ซึ่งได้กล่าวสรุปไว้ในตารางที่ 3

        6.4 การปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านกายภาพของดิน เนื่องจากกลุ่มชุดดินที่ 35 มีเนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายและมีอินทรีย์วัตถุในดินต่ำ เมื่อมีการไถพรวนดินบ่อยครั้งย่อมทำให้โครงสร้างของดินเสีย และเกิดความแน่นทึบ หรือเกิดชั้นดินดานใต้ชั้นไถพรวน (plow pan) เป็นอุปสรรคต่อการชอนไชของรากพืชที่ปลูกบางชนิด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงในรูปของการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่นปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-3 ตันต่อไร่ การใช้วัสดุปรับปรุงดิน เช่นขี้เลื่อย กากน้ำตาล เปลือกถั่วลิสง ถั่วเหลือง และเศษพืชต่าง ๆ หว่านและไถกลบลงไปในดิน นอกจากที่กล่าวแล้วการปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น ปอเทือง ปอเทืองเตี้ย ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม ฯลฯ หว่านเมล็ดปุ๋ยพืชสดที่กล่าวเมื่อเริ่มมีฝนตก ราว ๆ เดือนเมษายน หรือต้นเดือน พฤษภาคม เมื่อถั่วออกดอกให้ไถกลบลงไปในดิน ทิ้งไว้ 5-10 วัน จึงทำการปลูกพืช ซึ่งปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุปรับปรุงดินที่กล่าว เมื่อไถกลบลงไปในดินจะกลายสภาพเป็นอินทรีย์วัตถุ ทำให้เม็ดดินเกาะตัวกันเป็นก้อนหรือโครงสร้างของดินทำให้ดินร่วนซุย ดูดซับความชื้นไว้ได้สูงขึ้น และดินจะยากต่อการชะล้างพังทลายของหน้าดิน

        6.5 การอนุรักษ์ดินและน้ำ นับว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกลุ่มชุดดินนี้ เพราะดินมีศักยภาพที่จะเกิดการชะล้างพังทลายสูง (high erodability) เนื่องจากเนื้อดินบนค่อนข้างเป็นทราย และมีความลาดเทอยู่ระหว่าง 2-20 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความลาดเทเกิน 12 เปอร์เซ็นต์ถ้าไม่นำมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำมาปฏิบัติ การชะล้างพังทลายในระดับรุนแรงย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย สำหรับมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่ควรพิจารณานำมาปฏิบัติได้แต่มาตรการทางพืช เช่นการปลูกพืชขวางความลาดเท (Contour planting) การปลูกพืชเป็นแถบขวางความลาดเท (strip cropping) การปลูกพืชคลุมดิน (cover cropping) การปลูกแถบหญ้าแฝกตามแนวระดับ ปลูกพืชตระกูลถั่ว หรือไม้พุ่มยืนต้นตระกูลถั่วสลับกับแถวพืชหลักตามแนวระดับและการปลูกพืชตระกูลถั่วแซมพืชหลัก (intercropping) เป็นต้น ส่วนบริเวณที่มีความลาดชันสูงตั้งแต่ 12 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไป อาจต้องนำมาตรการวิธีกลมาปฏิบัติเช่นทำคันดิน คันเบนน้ำ ทางระบายน้ำ บ่อดักตะกอนรวมทั้งบ่อประจำไร่นา เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงฝนทิ้งช่วงและในฤดูแล้ง

        6.6 การจัดการดิน เพื่อให้เหมาะสมสำหรับพืชเฉพาะอย่าง ที่ได้กล่าวแล้วเป็นหลักการอย่างกว้าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละปัญหา การที่จะใช้กลุ่มชุดดินที่ 35 สำหรับปลูกพืชละชนิดนั้นจำเป็นจะต้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่กล่าวสรุปไว้ในตารางที่ 3

   

 

back.gif (2807 bytes)forward.gif (2807 bytes)